[Review] ปกติจอ OLED ขนาด 32 นิ้ว จัดว่าหรูมากแล้ว จนวันหนึ่งทาง MSI ได้ส่งเปิดตัว MPG 321URX QD-OLED จอเกมมิ่ง Monitor OLED รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมทั้งความละเอียด 4K ขนาด 32 นิ้ว พร้อมรองรับ Refresh rate สูงถึง 240Hz ช่วยตอบสนองรวดเร็ว และยังเป็น QD-OLED ที่ให้สีสดแม่นยำเป็นพิเศษด้วย ความหรูจึงมากกว่าจอ OLED ทั่ว ๆ ไป ทว่ากลับมีราคาที่เข้าถึงง่ายเกินคาด เมื่อเทียบกับสเปกที่ได้
รีวิวนี้พบกับ MSI MPG 321URX QD-OLED จอเทพสวยคม มาพร้อมฟีเจอร์ดเกมมิ่งจัดเต็ม มี AI ช่วยปรับการแสดงผล มีมาตรฐานการรับรอง VESA ClearMR 13000 กับ DisplayHDR True Black 400 และมี OLED Care 2.0 ฟีเจอร์ช่วยยืดอายุจอ OLED ช่วยลดทั้งอาการเบิร์นอิน หรือการเสื่อมสภาพของพิกเซลโดยเฉพาะ
ฟีเจอร์เด่น MSI 321URX QD-OLED (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่)
- PANEL SIZE : 31.5” (80cm)
- ASPECT RATIO : 16:9
- PANEL TYPE : QD-OLED
- PANEL RESOLUTION : 3840 x 2160 (UHD)
- Color Gamut (DCI-P3/Adobe/sRGB) : 99% / 97% / 138% (Follow CIE1976 Standard)
- REFRESH RATE : 240Hz
- RESPONSE TIME : 0.03ms (GtG)
งานออกแบบ
สำหรับจอ MSI MPG 321URX QD-OLED ก็เป็นหนึ่งใน MPG Series ที่เน้นออกแบบอุปกรณ์ให้ใช้งานด้านเกมมิ่งโดยเฉพาะ แน่นอนว่าตัวจอก็มีกลิ่นอายความเป็นเกมมิ่งทุกส่วน แต่ส่วนตัวแอบรู้สึกว่าตัวจอออกไปทางเรียบ ๆ ไม่ได้หวือหวาขนาดนั้น แต่นั้นเองที่ทำให้ตัวจอ สามารถใช้ทำงานได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ใช้ที่เป็น Creator ไม่จำเป็นต้องใช้เล่นเกมเสมอไป
ในส่วนด้านหลังก็มีช่องระบายความร้อน 2 จุดใหญ่ ๆ ตามสไตล์จอ OLED ที่จำเป็นต้องมี เพื่อกันปัญหา Burn-in ที่หลาย ๆ คนกลัวกันนั้นเอง โดยเฉพาะตัว MSI ที่เป็นจอ QD-OLED ที่สามารถรีดค่า Refresh rate ได้สูงด้วยแล้ว อนึ่งส่วนช่องระบายความร้อนด้านหลัง ทาง MSI มีการใช้ฟิล์มกราฟินมาเป็นชุดระบายความร้อนเฉพาะด้วย ช่วยทำงานร่วมกับ Heatsink ทำให้ใช้งานตัวจอได้ต่อเนื่องและยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้นอีก
เพื่อบ่งบอกความเป็นเกมมิ่ง ด้านหลังก็มีแถบไฟ RGB ให้ด้วย อีกทั้งยังรองรับ Mystic Light ที่ช่วยให้ Sync ไฟ RGB ร่วมกับอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ตัวอื่น ๆ ของทาง MSI ได้เลย
ในส่วนขาตั้ง หากเป็นรุ่น 27 นิ้ว สามารถหมุนเป็นแนวตั้ง 90 องศาได้เลย ทว่ารุ่น 32 นิ้วนี้ ทำได้เพียงปรับปุ่มซ้าย-ขวา หรือ สูง-ต่ำ ไม่สามารถปรับตั้ง 90 องศาได้ เนื่องจากขนาดจอที่ใหญ่เป็นพิเศษนี้เอง
ส่วนบริเวณขาตั้งก็มีช่องสำหรับเก็บสายเชื่อมต่อต่าง ๆ ให้ด้วย
พอร์ตเชื่อมต่อด้านหลัง ก็มีทั้ง HDMI 2.1 x 2 และมี DisplayPort 1.4a x 1 จุดสำคัญคือตัว HDMI 2.1 รองรับ 4K@240Hz (48Gbps) ด้วย ช่วยต่อกับเครื่องเล่นเกมคอนโซลยุคใหม่ได้เลย
ถัดมาก็มีพอร์ต USB Type-C ที่รองรับ 90W PD Charger เอาไปต่อกับโน้ตบุ๊กผ่ายสาย Type-C เส้นเดียวได้ โดยมีไฟเลี้ยงให้ 90W (แต่ถ้าต่อกับโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง ควรใช้ไฟเลี้ยงจากอะแดปเตอร์โดยตรงดีกว่า) ข้าง ๆ กันก็มีพอร์ต USB 2.0 Type B x 1 เพื่อใช้ร่วมกับฟีเจอร์ KVM Switch ได้ด้วย อีกพอร์ตก็เป็น USB 2.0 Type A x 2
ในส่วนปุ่ม Joystick หรือปุ่มควบคุมจอแบบ 5-way Joystick Navigator ก็อยู่บริเวณกึ่งกลางด้านล่างของด้านหลังหน้าจอ โดยทาง MSI กล่าวเลยว่า มีการรออกแบบที่มุ่งเน้นด้านการสรีรศาสตร์ ช่วยมอบประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบาย
แต่หากไม่สะดวกใช้ปุ่ม ก็สามารถปรับการตั้งค่าจอผ่านซอฟต์แวร์ Gaming Intelligence (ที่ชื่อเดิมคือ Gaming OSD) ได้เช่นกัน
ทดสอบประสิทธิภาพ QD OLED 4K 240 Hz
แค่สเปก QD OLED 4K กับรองรับ 240 Hz ก็จัดว่าเดือดมากแล้วสำหรับจอ MSI MPG 321URX QD-OLED นี้ แต่แน่นอนว่าทาง MSI ให้ได้มากกว่านั้น ตัวจอมาพร้อมฟีเจอร์ DisplayHDR True Black 400 กับผ่านการทดสอบพร้อมได้รับการรับรองผล VESA HDR TrueBlack และ VESA CLEAR MR ให้แน่ใจว่าสีดำนั้นเข้มสนิท ดำมืดสะใจ พร้อมการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแต่ก็คมชัด
Test MSI 321URX QD-OLED
หากแสดงผลสีดำสนิทแล้วมีข้อดียังไง ? คือหากเป็นจอ Monitor ทั่ว ๆ ไป เวลาแสดงผลสีดำก็จะยังเห็นแสงส่องสว่างที่ขอบจออยู่ (มองแล้วแอบขัดตา) แต่ไม่ใช่กับจอ MSI MPG 321URX QD-OLED ตัวนี้ ที่ขอบทุกด้านยังดำสนิท ซึ่งก็มีส่วนช่วยให้การแสดงสีสันมีความสดมากขึ้นอย่างมีนัยยะด้วย
หน้าจอขณะเปิดใช้งานโหมด True Black400 ผ่าน DisplayHDR หรือจะเปิดใช้เป็น Peak 1000 nits เพื่อดันความสว่างแบบขั้นสุดก็ได้
ถัดมาก็มีฟีเจอร์อัพเกรดใหม่อย่าง AI Vision ทีพัฒนาต่อจาก MSI Night Vision ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับจอโดยเฉพาะตอนเล่นเกมแล้วจอฉากที่มืด ก็จะช่วยเพิ่มความสว่างให้เห็น Detail ขององค์ประกอบในฉากได้มากขึ้น
ตัวอย่าง Gameplay จากจอ MSI 321URX QD-OLED
อีกฟีเจอร์ช่วยเกมเมอร์ (โดยเฉพาะสาย FPS) อย่าง Smart Crosshair และ Optix Scope ช่วยเกมเมอร์สายยิงให้ยิงได้อย่างแม่นยำขึ้น หากเปิดใช้งาน ก็จะมี Crosshair ปรากฏกลางจอแบบนี้เลย และหากเปิดใช้ Optix Scope ด้วย ก็จะช่วยขยายหรือซูมเป้าเล็งให้เห็นได้ชัดขึ้นอีก ซึ่งกดใช้งานผ่านปุ่มลัดที่ตั้งไว้ได้ทันที
อนึ่งตัวจอมีพอร์ต USB Type-C พร้อม 90W PD Charger ที่สามารถต่อได้ทั้งสัญญาณภาพระดับ 4K@240Hz พร้อมจ่ายไฟเลี้ยง 90W ให้กับโน้ตบุ๊กบางเบาได้เลย
MSI OLED Care 2.0
ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์สำคัญที่สุดของจอ MSI นี้เลยคือ MSI OLED Care 2.0 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่รวมการตั้งค่าจอ OLED เพื่อยืดอายุการใช้งานโดยเฉพาะ ซึ่งจะเปิดหรือไม่เปิดก็ตามที่ผู้ใช้ต้องการเลย โดยหากต้องการเปิดใช้งาน ก็มีหน้าตั้งค่าต่าง ๆ ให้ตามนี้
Pixel Shift ช่วยตั้งค่าพิกเซลให้มีการขยับเล็กน้อย เพื่อไม่ให้พิกเซลแสดงผลภาพเดิมซ้ำนานเกินไป สามารถปรับได้สามระดับ ช้า ปกติ และเร็ว
Panel Protect ช่วยเตือนรีเฟรชพิกเซลจอ หรือเตือนให้พักรีเฟรชการใช้งานจอในทุก ๆ 4 ชั่วโมง ทั้งยังเข้าไปดูข้อมูลการใช้งาน รวมถึงข้อมูลการตั้งค่า Panel Protect ย้อนหลังได้ด้วย
Static Screen Detection ช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหวของหน้าจอ หากระบบพบว่าจอถูกทิ้งไว้ไม่มีการเคลื่อนไหวในระยะเวลาที่กำหนด ตัวจอก็จะทำการหลี่แสงลงเพื่อลดการทำงานของพิกเซล ช่วยยืดอายุการใช้งานของพาเนล OLED ให้ได้มากขึ้นนั้นเอง ซึ่งสามารถปรับระยะเวลาการตรวจจับนี้เพิ่มเติมได้อีก
Muti Logo Detection ปัญหาที่คนใช้จอ OLED เจอกันบ่อย ๆ คือการเห็น ‘โลโก้’ ของช่องยังแสดงผลคาจอต่อไป ส่วนนี้เองจะช่วยให้ะลดความสว่างลงเพื่อลดอาการเบิร์นอินบริเวณนั้นโดยเฉพาะให้เลย
TaskBar Detection คล้าย ๆ กับตัว Muti Logo Detection หากใช้กับ PC ก็จะมีบริเวณ Taskbar ที่ถูกแสดงผลตลอดเวลานั้นเอง (เหมือนโลโก้ช่อง TV) ส่วนนี้ก็ช่วยลดแสงบริเวณดังกล่าวด้วยเหมือนกัน
และสุดท้าย Boundary Detection คือหากใครใช้จอแบบมีการแบ่งหน้าจอเป็นเวลานาน ก็เสี่ยงที่จะมีอาการ Burn-in บริเวณขอบของเส้นที่แสดงผลด้วย ฟีเจอร์นี้จะช่วยตรวจจับและลดแสงของขอบลงเพื่อลดอัตราการเบิร์นในที่สุด
สรุป
จากเมื่อก่อนจอ OLED เป็นอะไรที่เข้าถึงได้ยาก ยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยังมีราคาสูง ทว่าตัว MSI MPG 321URX QD-OLED นับเป็นจอ QD-OLED ที่ครบเครื่องมาก และเข้าถึงได้ไม่ยาก เมื่อเทียบกับจอคู่แข่งที่มีสเปกพอ ๆ กัน
สำหรับประสิทธิภาพของตัว MSI MPG 321URX QD-OLED ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า จอ QD-OLED มีความแตกต่างจากจอ Monitor ทั่วไปขนาดไหน เอาส่วนการแสดงผลสีดำ ตัวจอก็แสดงผลได้ดำสนิท และให้สีสันได้สวยสด พร้อมให้ความคมชัดระดับ 4K ได้เหนือชั้น และมาพร้อมขนาด 32 นิ้วใหญ่เต็มตา
ด้านฟีเจอร์ก็มีครบครันทั้ง AI Vision ช่วยปรับการแสดงผลในที่มืดให้มีความสว่างขึ้น (อย่างเหมาะสม) และมีมาตรฐานการรับรอง VESA ClearMR 13000 กับ DisplayHDR True Black 400 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของจอ QD OLED ได้มากขึ้นอีก พร้อมด้วย OLED Care 2.0 ฟีเจอร์ช่วยยืดอายุจอ OLED โดยเฉพาะ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ในราคา 39,990 บาท ครับ