กลับมาอีกครั้งกับ SanDisk Extreme SSD Portable V2 หรือ SSD พกพาคุณภาพ ที่รอบนี้ยังคงดีไซน์เดิม แต่ถึกทนขึ้น และความเร็วอ่านเขียนก็เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 1050 MB/s ใช้ตัดงานวิดีโอในนี้ได้สบาย ๆ หรือรันเกมยังได้
Test Drop !! ซะดีไหมรอบนี้ แต่ก็เช่นเคยว่าไม่ดีกว่า ฮ่า ฮ่า นับว่าเป็นภาคต่อ หลังเคยรีวิวรุ่น 500GB ในปี 2019 ไป ซึ่งรอบนี้เพิ่มความเร็วอ่านเขียนไฟล์สูงขึ้นเท่าตัว แตะที่ระดับ 1050 MB/s กันเลย เหมาะสำหรับใครที่ต้องการเก็บไฟล์รูปภาพความละเอียดสูง หรืองานวิดีโอ 4K กับ 8K ซึ่งไม่จำเป็นต้อง Copy หรือ Cut ไฟล์ลงใน PC เหมือนก่อน แต่สามารถ Run งาน แต่งภาพ ตัดวิดีโอ จากตัว SanDisk Extreme SSD Portable V2 1TB นี้ได้โดยตรง อีกทั้งยังมาพร้อมความถึกทนขั้นเทพ พกไปลุยภาคสนามได้สบาย ๆ ว่าแล้วก็มาดูรีวิวเลยดีกว่าครับ
แกะกล่อง
อุปกรณ์ในกล่องก็มีตัว SanDisk Extreme SSD Portable V2 และสาย USB-C to USB-C (USB 3.1 Gen 2) พร้อมหัวแปลง USB-C เป็น USB-A ให้พร้อม
วัสดุและดีไซน์
หน้าตายังคงเดิมเป๊ะ ๆ เหมือนรุ่นก่อน ทั้งห่วงคล้องสีแดงชวนสะดุดตา และดีไซน์แบบ Sport เหมาะสำหรับสายลุย แต่ดูเหมือนตัว 2021 นี้จะบางลงกว่าเดิมด้วย โดยมีความบางอยู่ที่ 8.95 มม. เท่านั้น
ส่วนวัสดุที่ใช้ SanDisk Extreme SSD Portable V2 ด้านหนึ่งจะมีแผ่นอะลูมิเนียมแปะเกือบทั่วตัวเครื่องเลย น่าจะช่วยเรื่องบรรเทาความร้อน อีกทั้งข้างในก็ยังมีโครงอะลูมิเนียมด้วยอีก
อีกด้านเป็นซิลิโคน สัมผัสเหมือนยางหุ่ม ซึ่งช่วยรองรับการตกกระแทกได้ดี ทั้งมาพร้อมกันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP55 ด้วย หากแต่ด้วยความที่เหมือนเป็นยาง แต่เลยมีฝุ่นเกาะติดง่ายอยู่เหมือนกัน
เทียบกับขนาดมือ เล็กทีเดียว พกใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้สบาย ๆ แต่ถ้าเอาไปห้อยติดกับพ่วงกุญแจรถ น่าจะใหญ่ไปนิดอยู่
ตัว SanDisk Extreme SSD Portable V2 มาพร้อมสาย USB-C to USB-C (USB 3.1 Gen 2) และหัวแปลง USB-C เป็น USB-A ให้ด้วย เลือกได้ว่าจะเชื่อมต่อแบบ USB-C to USB-C แต่หาก PC หรือโน้ตบุ๊กไม่มีช่อง Type-C ก็ใช้หัวแปลงได้
ในตัว SanDisk Extreme SSD Portable V2 มีโปรแกรมช่วยเข้ารหัสให้มาเลย โดยช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลด้วยระบบพาสเวิร์ด 256-bit AES hardware encryption
ประสิทธิภาพ
สำหรับส่วนทดสอบประสิทธิภาพนี้ จะเน้นใช้งานผ่าน USB-C to USB-C เน้น ๆ เพื่อดูว่าการอ่านเขียนไฟล์ระดับ 1050 MB/s จะทำได้ขนาดไหน เร็วจริงไหม และ Copy ไฟล์ไวทันใจหรือไม่ ลองมาดูเลย
พื้นที่เหลือใช้งานจริงจาก 1TB
วัดความเร็วอ่านเชียนด้วยโปรแกรม CrystalDiskMark ผ่านการเชื่อมต่อ USB-C to USB-C ผลคือได้ความเร็วตามสเปกที่เขียนไว้เลย
ต่อไปลองใช้หัวแปลงเป็น USB-C to USB-A ดูว่าความเร็วจะตกลงไหม ผลคือตกนิด ๆ แต่ยังคงระดับ 1000 MB/s อยู่ นับว่าเป็น SSD พกพาที่มีความเร็วสูงทั้งการเชื่อมต่อผ่าน USB-C และ USB-A กันเลย
กลับมาใช้เป็น USB-C to USB-C ลอง Copy โยนไฟล์ระดับ 9GB และมีไฟล์กว่า 1,000 ไฟล์ ผลคือมีความเร็วที่ 450 – 500 MB/s
หากเป็นไฟล์เดียว แต่มีขนาดความจุสูง ๆ ระดับ 80GB เป็นไง ผลคือ มีความเร็วเต็ม ๆ ที่ 800 MB/s กันเลย แสดงว่าหากมีการ Copy ไฟล์ที่มีจำนวนมาก ความเร็วก็จะลดลงมา เพื่อไม่ให้ไฟล์เสียหาย แต่หากมีไฟล์ ๆ เดียว ก็จัดเต็มที่ความเร็วตามสเปกเลยนั้นเอง
สรุป
เล็กจิ๋ว เร็วแรง และถึกทน ก็ยังนำมาพูดถึงตัว SanDisk Extreme SSD Portable V2 นี้ได้อยู่ และดูเหมือนจะถึกทนและเร็วแรงกว่าเดิมด้วย แต่ไม่เล็กจิ๋วขึ้นนะ ดูเหมือนจะบางลงขึ้นจริง แต่กลับมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิมแทน (รุ่นก่อนคิดว่ามีขนาดเล็กกว่า) เรื่องดีไซน์และวัสดุก็ยังเป็นสายลุยเกือบเต็มขึ้น มี IP55 ก็นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีความทนทานสูงแล้ว แต่ถ้าเป็น IP68 ระดับจู่มน้ำได้ คง Extrem สมชื่อแน่นอน : b
ส่วนเรื่องความเร็ว นับเป็นจุดเด่นสำคัญเลย เร็วแรงมากกกก ไฟล์ใหญ่หรือเยอะขนาดไหน ก็วิ่งได้ไวสุด ๆ ดังนั้นเรื่องงาน Run แต่งภาพ ตัดวิดีโอ จากตัว SSD โดยตรง ทำได้สบาย ๆ แน่นอน
สุดท้ายนี้ SanDisk Extreme SSD Portable V2 ขนาด 1TB ที่รีวิวนี้ ก็สนนราคาอยู่ที่ 5,290 บาท ครับ