เลือกซื้ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลพกพาแบบไหม ให้เหมาะกับการใช้งาน

[Buyer’s Guide] ใช้งานแบบเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน ปัจจุบันเรามี Extenal Storage หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลหลากหลายหลากประเภท เอาแค่ตัว MicroSD ที่ใช้ Slot ช่องเสียบเหมือนกันแท้ ๆ ทว่ากลับแบ่งประเภทใช้งานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกันแล้ว จึงเป็นที่มาของบทความ Buyer’s Guide ในที่นี้เอง ที่จะมาเจาะและอธิบายความแตกต่างของ Extenal Storage ในแต่ละประเภทให้เข้าใจอย่างง่ายที่สุดกัน

  • SanDisk Portable SSD โอนข้อมูลไว ถึกทนทุกสนาม 
  • SanDisk Desk Drive 8TB จัดเก็บแบบจุก ๆ เรียกใช้ปุ๊บปั๊บทันใจ
  • Sandisk Dual Drive Go USB Type-C จัดเก็บไฟล์สะดวก สำรองไฟล์จากมือถือได้ทุกเวลา
  • Sandisk Endurance Card เก็บบันทึกฟุตเทจได้นานและต่อเนื่อง

รอบนี้ทาง SanDisk ใจดีส่ง Extenal Storage มาให้ลองใช้หลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น SSD พกพาอย่าง Extreme Pro Portable SSD ที่มาพร้อมทั้งความเร็วอ่านเขียนสูง รวมถึงความทนทานด้วย กับมี SanDisk Desk Drive อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุสูงระดับ 8TB มี MicroSD Card ที่รองรับการใช้งานในกล้อง IP Camera หรือกล้องติดรถยนต์โดยเฉพาะ และสุดท้ายก็มี Phone Drive แฟลชไดรฟ์ที่รองรับทั้งการเชื่อมต่อทั้งสมาร์ทโฟนผ่านหัวต่อแบบ USB-C และคอมฯ ผ่านหัวต่อแบบ USB-A ซึ่งทั้งหมดจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ใช้งานต่างกันยังไง ลองมาไล่ดูกันครับ

SanDisk Portable SSD โอนข้อมูลไว ถึกทนทุกสนาม

  • Sandisk Extreme Pro Portable SSD
  • Sandisk Extreme Portable SSD
  • Sandisk Portable SSD

ประเดิมด้วย Portable SSD จากทาง SanDisk ซึ่งข้อดีของ SSD แบบพกพานี้ คือมาพร้อมความเร็วอ่านเขียนที่สูง ถ่ายโอนข้อมูลไว เหมาะสำหรับใครที่ต้องการเก็บไฟล์รูปภาพความละเอียดสูง หรืองานวิดีโอระดับ 4K ซึ่งไม่จำเป็นต้อง Copy หรือ Cut ไฟล์ลงใน PC เหมือนก่อน แต่สามารถทำงาน แต่งภาพ ตัดวิดีโอ หรือกระทั่งเปิดใช้งานโปรแกรมจากตัว SSD พกพานี้โดยตรงก็ยังได้ อย่างไรก็ตาม นอกจากคุณสมบัติหลักนี้แล้ว ตัว SSD พกพายังมีจุดเด่นอย่างอื่นด้วย เหมือนอย่างทาง SanDisk

ปัจจุบันทาง SanDisk ได้เปิดตัว Portable SSD อยู่ด้วยกันถึง 3 รุ่น และทุกรุ่นก็มาพร้อม ‘ความทนทานสูง’ รองรับการใช้งานภาคสนามได้เป็นอย่างดี ทั้งทนทานต่อการตกหล่น มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพต่าง ๆ เพื่อความมั่นใจในการเก็บรักษาไฟล์ข้อมูลเป็นเวลานาน และสุดท้ายมีฟีเจอร์สำรองข้อมูลที่เข้าถึงง่ายกับเชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม Portable SSD ทั้ง 3 รุ่น ก็ยังมีจุดเด่นที่แตกต่างกันตามนี้

Sandisk Extreme Pro Portable SSD ทั้งถึกทั้งเร็วแบบขั้นสุด

สุดทางทั้งความทนทานและความเร็วกับ Sandisk Extreme Pro Portable SSD สำหรับใครที่เป็นผู้ใช้ระดับ Pro และใช้งานแบบ Extreme ด้วย โดยมาพร้อมความเร็วอ่านเขียนไฟล์ระดับ 2,000 MB/s กับความทนทานต่อการตกหล่นได้สูงถึง 3 เมตร และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP655 โดยมีห่วงคล้องกุญแจที่ช่วยให้พกสะดวก

ด้วยสเปกที่มีความทนทานสูง ก็ส่งผลให้ตัว Extreme Pro มีวัสดุเป็นโครงอลูมิเนียม ที่ทำหน้าที่เป็นแผงระบายความร้อนได้ด้วย ช่วยเสริมประสิทธิภาพความเร็วอ่านเขียนไฟล์ 2,000 MB/s ได้อย่างเสถียรด้วย ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อ USB 3.2 Gen 2 x2 (USB-C) ที่เชื่อมต่อได้ทั้ง PC และอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก สุดท้ายการรับประกันยาวนานถึง 5 ปี การันตีความทนทานได้เป็นอย่างดี ส่วนราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 4,990 บาท

Sandisk Extreme Portable SSD น้องเล็กในงบที่เข้าถึงง่ายขึ้น

ถัดจากรุ่น Pro ก็มีตัวสายกลางอย่าง Sandisk Extreme Portable SSD ซึ่งมีหน้าตาและวัสดุแทบไม่ต่างรุ่น Top อย่างตัว Extreme Pro แต่แลกกับราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น โดยที่ยังคงความทนทานเป็นจุดเด่นไม่ต่างกัน

โดยตัว Sandisk Extreme Portable SSD ก็มาพร้อมความเร็วอ่านเขียนที่ 1050MB/s แต่ยังทนทานต่อการตกหล่นจากที่สูงถึง 3 เมตร กับมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP65 และห่วงคล้องกุญแจที่เช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นแฝด Sandisk Extreme Pro ในด้านวัสดุ แต่ลดความเร็วอ่านเขียนเพื่อให้มีราคาที่ถูกกว่าเดิม ซึ่งความเร็ว 1050MB/s เอาจริง ๆ ก็มากพอแล้ว ระดับที่โยนไฟล์ขนาด 9GB รวมจำนวนเกือบ 3,000 ไฟล์ จนเสร็จภายในเวลาไม่กี่นาทีได้เลย โดยสรุปก็กล่าวได้ว่าตัว Sandisk Extreme Portable SSD เป็น SSD พกพาที่มาพร้อมฟีเจอร์ด้านความทนทานขั้นสุด ในราคาที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น กับประกัน 5 ปีเช่นกัน ในราคาเริ่มต้นที่ 3,290 บาท

Sandisk Portable SSD เน้นเร็วและพกพาง่าย

หากไม่ได้อยากได้ความทนทานขนาดนั้น ขอเพียงมีความเร็วอ่านเขียนไฟล์ระดับ SSD กับมีขนาดเล็กและใช้งานพกพาได้ก็พอ ทาง SanDisk ก็มีตัวเลือกสุดท้ายอย่าง Sandisk Portable SSD โดยมาพร้อมความเร็วแรงกำลังดีที่ 800 MB/s แม้จะไม่ได้มีชื่อ Extreme แต่ตัว Portable SSD นี้ ก็ยังมาพร้อมดีไซน์ที่คล้ายกัน และยังได้ความทนทานต่อแรงกระแทกด้วย โดยรองรับการตกหล่นจากที่สูงได้ 2 เมตร กับผ่านการทดสอบประสิทธิภาพต่าง ๆ เช่นเดียวกับรุ่น Extreme และ Extreme Pro ด้วย ส่วนประกันก็อยู่ที่ 3 ปี ส่วนราคาก็เริ่มต้น (รุ่น 1TB) ที่เพียง 2 พันบาทต้น ๆ เท่านั้น

SanDisk Desk Drive 8TB จัดเก็บแบบจุก ๆ เรียกใช้ปุ๊บปั๊บทันใจ

นอกจาก SSD แบบพกพาแล้ว ลองมาดู Extenal SSD อีกแบบ ที่เน้นการใช้งานแบบตั้งโต๊ะ อยู่คู่กับ Desktop PC หรือโน้ตบุ๊กแบบเน้นใช้งานที่บ้านโดยเฉพาะ

มารู้จักกับ SanDisk Desk Drive อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลแบบ SSD มาพร้อมความเร็วรับส่งไฟล์ข้อมูลสูงถึง 1,000 MB/s ผ่าน USB-C และขนาดความจุมากถึง 8TB จัดเก็บกันแบบจุก ๆ แต่เรียกใช้ปุ๊บปั๊บทันใจ ใช้เป็นที่สำหรับเก็บฟุตเทจหรือไฟล์ภาพความละเอียดสูงได้สบาย และยังสนับสนุนฟีเจอร์ Back Up ได้อย่างง่าย รวดเร็วสุด ๆ ส่วนขนาดก็เล็กกะทัดรัดได้ใจ เมื่อเทียบกับ HDD แบบ Desktop Storage ขนาด 8TB เหมือนกัน ที่คงมีขนาดใหญ่กว่ามาก

จุดเด่นสำคัญของ  SanDisk Desk Drive ก็มาพร้อมฟีเจอร์ Back Up ผ่านซอฟต์แวร์ Acronis True Image ก็ทำไดง่ายขึ้นมาก แทบไม่ต้องกดตัวเลือกอะไรมากมาย ตัวซอฟต์แวร์จะคำนวนพื้นที่ในเครื่อง PC ที่ใช้อยู่ให้เองโดยทันที จากนั้นก็เลือกใช้ SanDisk Desk Drive เป็นตัวเลือกชั้นเยี่ยม ท้ายนี้ตัว SanDisk Desk Drive รุ่น 8TB นี้ เปิดราคาอยู่ที่ 28,900 บาท มาพร้อมประกันแบบจำกัดเงื่อนไข 3 ปี

Sandisk Dual Drive Go USB Type-C จัดเก็บไฟล์สะดวก สำรองไฟล์จากมือถือได้ทุกเวลา

หากวันหนึ่ง สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต เริ่มมีความจุไม่เพียงพอแล้ว อยากลบรูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์ข้อมูลเก่า ๆ ที่มีอยู่ก็รู้สึกเสียดายอีก จะดีแค่ไหนหากมีตัวช่วยเก็บสำรองข้อมูล “แบบเดี๋ยวนั้น” ที่พร้อมใช้งานทันที ลองดูตัว Dual Drive Go อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในร่างแฟลชไดร์ฟ ช่วยให้ย้ายไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และเครื่อง PC ได้ผ่านทั้งพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และ Type-A ในร่างเดียว ชนิดที่เสียบใช้งานได้ทันที

ข้อดีอีกอย่างของ Dual Drive Go คือมาพร้อมฟีเจอร์ช่วยสำรองข้อมูลอัตโนมัติ โดยใช้ร่วมกับแอปฯ SanDisk Memory Zone ที่ช่วยให้จัดการไฟล์ได้สะดวก พร้อมทำความสะอาดหน่วยความจำ และสำรองไฟล์ของเราได้อย่างง่ายดายทีเดียว 

ด้านประสิทธิภาพ ก็มาพร้อมความเร็วอ่านระดับไฟล์ 400 MB/s ผ่าน USB 3.2 Gen 1 ซึ่งเกือบเทียบเท่ากับ SSD แบบพกพาในรุ่นเริ่มต้นกันเลย ส่วนความจุก็มีให้เลือกตั้งแต่ 32GB ไปจนถึง 1TB ในราคาที่เริ่มต้นจากรุ่น 32GB เพียง 280 บาท ถึง 2,690 บาท สำหรับรุ่น 1TB มาพร้อมการรับประกันยาว ๆ ได้ถึง 5 ปี

Sandisk Endurance Card เก็บบันทึกฟุตเทจได้นานและต่อเนื่อง

  • Max Endurance Card
  • High Endurance Card

ปิดท้ายด้วยอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ MicroSD Card ซึ่งล่าสุดทาง SanDisk ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ ที่มีการใช้งานเฉพาะทางอย่าง Max Endurance Card เน้นใช้งานร่วมกับกล้องติดรถยนต์หรือ Action Camera โดยเฉพาะ และ High Endurance Card เน้นใช้งานร่วมกับกล้องวงจรปิดแบบ IP Camera โดยตรง ซึ่งทั้งสองก็มาพร้อมความทนทานและการอ่านเขียนไฟล์ ที่มากกว่า MicroSD Card ทั่วไปเน้นเอง

Max Endurance Card บันทึกวิดีโอต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง แบบไม่พัก

เริ่มจาก Max Endurance เป็น microSD ที่เน้นใช้บันทึกฟุตเทจวิดีโอได้นานถึง 120,000 ชั่วโมง หรือประมาณ 13 ปีกว่า ๆ กันเลย ซึ่งเหมาะสำหรับใครที่มีกล้องติดรถยนต์หรือกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ที่ต้องมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงและหลายวัน

ปกติหากเป็น microSD อาจไม่สามารถทนความร้อนที่เกิดจากการใช้งานต่อเนื่องแบบนี้ได้ ส่งผลให้คุณภาพไฟล์ฟุตเทจวิดีโอที่บันทึกไว้อาจสูญหาย แต่ไม่ใช่กับตัว Max Endurance ที่มีการออกแบบให้ทนทานต่อสภาพการใช้งานที่หนักหน่วง ทั้งทนต่ออุณหภูมิร้อนจัด/เย็นจัด กันน้ำกันกระแทกได้ และกันรังสีเอ็กซเรย์ได้อีกด้วย

ด้านสเปกนั้น Max Endurance ก็มาพร้อมความเร็วในการอ่านสูงสุด 100 MB/s จัดเป็นระดับ Class 10 และความเร็ววิดีโอ U3 และ V30 มีความจุให้เลือกสูงสุดที่ 256GB ช่วยให้เก็บไฟล์วิดีโอแบบ Full HD หรือ 4K ได้ยาวนาน เปิดราคาเริ่มต้นที่ 390 บาท ถึง 1,650 บาท มาพร้อมการรับประกันที่ยาวนานถึง 15 ปี การันตีความทนทานโดยแท้

High Endurance Card ใช้กับกล้องติดรถยนต์ อุ่นใจระยะยาว

หาก Max Endurance ยังเกินจำเป็น ก็มีอีกรุ่นทางเลือกอย่าง High Endurance โดยเป็น microSD สำหรับกล้องติดรถยนต์และกล้อง IP Camera โดยเฉพาะเช่นกัน ส่วนสเปกความทนทานก็มาพร้อมการบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 40,000 ชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่ารุ่น Max Endurance ก็จริง แต่ก็ยังทนทานต่ออุณหภูมิร้อนจัดหรือเย็นจัด ทนแรงกระแทก กันน้ำ และกันรังสีเอ็กซ์เรย์เช่นกัน ช่วยให้บันทึกข้อมูลได้ต่อเนื่องแบบไม่มีสะดุดตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านสเปกก็อยู่ในระดับ Class 10, U3 และ V304 โดยมีความเร็วในการอ่านสูงสุด 100 MB/s มาพร้อมความจุให้เลือกตั้งแต่ 32GB ไปจนถึงระดับ 512GB กันเลย เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับใครที่ต้องการใช้บันทึกวิดีโอที่มีความยาวเป็นพิเศษจริง ๆ โดยราคาเริ่มต้นเพียง 229 บาท และ 1,690 บาท มาพร้อมการรับประกัน 2 ปี

หากใครสนใจ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.westerndigital.com/th-th/products

Shops
แชร์ :
Follow us
Most popular
Category
Tag

Relate Article