[Review] ศึกสมาร์ทโฟนในราคาหมื่นบาท ปัจจุบันดูจะมีความดุเดือนมากขึ้นอีก ถึงขั้นยอมใส่สเปกกล้องระดับที่เคยมีเฉพาะในรุ่นเรือธงเท่านั้น และรวมไปถึงวัสดุที่พรีเมี่ยมขึ้น ทนทานกว่าเดิม รีวิวนี้เราอยู่กับ Redmi Note 14 Series สองรุ่นอย่าง Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 200 MP กับ 104 MP พร้อม AI ช่วยให้ถ่ายและแก้ไขภาพได้ระดับมืออาชีพ และยังมาพร้อมความทนทานเป็นพิเศษ โดยทนทั้งการตก น้ำกระเซ็น และรอยขีดข่วน โดยมาจากวัสดุกันกระแทกอย่างดี สุดท้ายก็มีชิปประมวลผล Snapdragon 7s Gen 3 สำหรับรุ่น Top อย่าง Redmi Note 14 Pro+ 5G ที่เปิดราคาเพียง 15,XXX เท่านั้น โดยทั้งสองรุ่นจะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ลองมาดูรีวิวนี้กันครับ
รายละเอียดสเปก Redmi Note 14 Pro+ 5G
Display : หน้าจอ CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220) รองรับ 120Hz ความสว่างสูงสุด 3000 nits และมีครอบด้วยกระจกกันกระแทกอย่าง Corning Gorilla Glass Victus 2
CPU : Qualcomm Snapdragon 7s Gen 3 (4 nm)
GPU : Adreno 710
RAM : LPDDR4X 8GB/12GB
ROM : 256GB/512GB (UFS2.2)
Main Camera : [กล้องหลัก 200MP|OIS|F/1.65|1/1.4″|23mm (wide)] , [กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP|F/2.2|1/4.0″|15mm (ultrawide)] , [กล้องมาโคร 2MP|F/2.4|macro] รองรับวิดีโอ 4K@24/30fps, 1080p@30/60/120fps, gyro-EIS, OIS
Front Camera : 20MP|F/2.2|1/4.0″|21mm (wide) รองรับวิดีโอ 1080p@30/60fps
AI : Circle to Search with Google, Google Gemini, ล่ามแปลภาษา AI, บันทึกย่อ AI, ตัวบันทึก AI, ซับไตเติล AI, ภาพยนตร์ AI, การตัดต่อภาพ AI
Battery : Li-Ion 5110 mAh รองรับ Hyper Charge 120W (มีหัวชาร์จ 120W ให้ในกล่อง)
Connect : USB Type-C 2.0
Wireless : Wi-Fi: Wi-Fi 6/6E/Wi-Fi 5/Wi-Fi 4/802.11a/b/g
ขนาดตัวเครื่อง : 162.5 x 74.7 x 8.8 mm
น้ำหนัก : 205 g
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68
ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (Xiaomi HyperOS)
สีให้เลือก :
รายละเอียดสเปก Redmi Note 14
Display : หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FUD+ (2400 x 1080) รองรับ 120Hz ความสว่างสูงสุด 1800 nits และมีครอบด้วยกระจกกันกระแทกอย่าง Corning Gorilla Glass 5
CPU : Helio G99-Ultra (6 nm)
GPU : Mali-G57 MC2
RAM : LPDDR4X 8GB
ROM : 256GB (UFS2.2)
Main Camera : [กล้องหลัก 108MP|F/1.7|1/67″|(wide)] , [กล้องมาโคร 2MP|F/2.4|macro] , [กล้อง Dof 2MP|F/2.4|depth] รองรับวิดีโอ 1080p@30/60fps
Front Camera : 20MP|F/2.2|wide รองรับวิดีโอ 1080p@30fps
Battery : Li-Ion 5500 mAh รองรับ Turbo Charge 33W (มีหัวชาร์จ 33W ให้ในกล่อง)
Connect : USB Type-C 2.0
Wireless : Wi-Fi: 802.11a/b/g/n/ac
ขนาดตัวเครื่อง : 163.3 x 76.6 x 8.2 mm
น้ำหนัก : 196 g
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP54
ระบบปฏิบัติการ : Android 14 (Xiaomi HyperOS)
สีให้เลือก : Midnight Black , Lime Green , Mist Purple
แกะกล่อง Redmi Note 14 Pro+ 5G
ในกล่องของ Redmi Note 14 Pro+ 5G ก็ประกอบไปด้วยตัวเครื่อง , เคสป้องกัน , อะแดปเตอร์ขนาด 120W , สาย USB Type-C , เข็มเปิดถาดซิม และชุดคู่มือกับใบรับประกัน
แกะกล่อง Redmi Note 14
ในกล่องของ Redmi Note 14 ก็คล้ายกัน โดยมีทั้งตัวเครื่อง , เคสป้องกัน , อะแดปเตอร์ขนาด 33W , สาย USB Type-C , เข็มเปิดถาดซิม และชุดคู่มือกับใบรับประกัน
งานออกแบบ Redmi Note 14 Pro 5G
งานออกแบบของ Redmi Note 14 Pro+ 5G กับสีตัวเครื่องอย่าง Lavender Purple นี้ บอกได้คำเดียวว่า “luxury” คือดูแพงเกินราคาไปไกล โดยเฉพาะวัสดุที่ใช้เป็นหนังวีแกน ให้สัมผัสในการจับที่ติดมือดีมาก และยังมีความทนทานเป็นพิเศษด้วย ซึ่งภายในตัวเครื่องก็ใช้โครงอะลูมิเนียมคอมโพสิตที่มีความแข็งแรงสูง ภายนอกก็มีโฟมดูดซับพลังงาน และวัสดุกันกระแทกโพลีเมอร์ การันตีความทนทานต่อการตกหล่นจากที่สูงได้เป็นอย่างดี กับมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 เลยด้วย
ลำโพง Dolby Atmos กับพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และช่องใส่ SIM
หน้าจอ CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220) รองรับ 120Hz ความสว่างสูงสุด 3000 nits และมีครอบด้วยกระจกกันกระแทกอย่าง Corning Gorilla Glass Victus 2
Redmi Note 14 Pro+ 5G ขณะใส่เคสที่แถมให้ในกล่อง
งานออกแบบ Redmi Note 14
ต่อด้วย Redmi Note 14 น้องเล็กสุด งานประกอบและวัสดุเห็นได้ชัดเจนเลยว่าแตกต่าง แต่ด้านความสวยก็จัดว่าดูดีมาก สำหรับสมาร์ทโฟนในงบไม่เกินหมื่นบาท (หรือไม่เกิน 6 พันบาทนี้) โดยตัวเครื่องที่ได้มารีวิวก็เป็นรุ่น Mist Purple หรือสีขาวออกม่วงนิด ๆ นี้เอง ซึ่งก็มีลวดลายตัวเครื่องที่สะดุดตาอยู่พอควรเหมือนกัน ส่วนด้านความทนทานก็จัดว่ามี แต่แน่นอนว่าไม่เท่ากับ Redmi Note 14 Pro+ 5G ที่เป็นรุ่น Top สุดของซีรีส์ แต่อย่างน้อยก็ยังมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 ให้ด้วย
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FUD+ (2400 x 1080) รองรับ 120Hz ความสว่างสูงสุด 1800 nits และมีครอบด้วยกระจกกันกระแทกอย่าง Corning Gorilla Glass 5
Redmi Note 14 ขณะใส่เคสที่แถมให้ในกล่อง เคสแอบสวยอยู่นะ
เทียบตัวเครื่อง Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 ทรงคล้ายกัน แต่ก็ยังมีความต่างกันชัดเจน
Xiaomi HyperOS (2025)
สำหรับตัว Redmi Note 14 Series ก็มาพร้อม Android 14 พร้อม Xiaomi HyperOS เวอร์ชั่นล่าสุด (ณ ตอนที่รีวิว) ซึ่งระบบภายในทั้ง UI และแอปฯ ต่าง ๆ ก็หน้าตาสวยงามตามนี้เลย
และเช่นเคยสำหรับสมาร์ทโฟร Redmi หรือ Xiaomi ก็มาพร้อมแอปฯ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่อง ทั้งฟีเจอร์ทำความสะอาด สแกน และเพิ่มความร้อน ที่ดูเหมือนจะตัดโฆษณาออกไปแล้ว
หน้าปรับแต่งการแสดงผลหน้าจอ (Redmi Note 14 Pro+ 5G)
สำหรับตัว Redmi Note 14 Pro+ 5G ก็มาพร้อมแบตฯ ขนาด 5110 mAh แต่แค่ 71% ก็ใช้งานได้ยาว ๆ ถึง 19 ชม. แล้ว
กล้องหลัง Redmi Note 14 Pro+ 5G
ตามรายละเอียดสเปกของ Redmi Note 14 Pro+ 5G ก็ประกอบด้วยกล้องหลัง 3 ตัว อาทิ [กล้องหลัก 200MP|OIS|F/1.65|1/1.4″|23mm (wide)] , [กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP|F/2.2|1/4.0″|15mm (ultrawide)] และ [กล้องมาโคร 2MP|F/2.4|macro] ซึ่งคุณภาพที่ได้ ก็มีตามนี้
หน้า UI ตัวกล้องของ Redmi Note 14 Pro+ 5G
ลองประเดิมด้วยภาพถ่ายตอนกลางคืนก่อนเลย กดถ่ายแบบไม่คิดอะไรมาก เน้น Auto ล้วน ๆ คือยกถ่ายทันที ก็ได้ภาพออกมาตามนี้ ตัวกล้องเก็บรายละเอียดแม้ในตอนกลางคืนได้ดีเกินคาด
ลองใช้เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 MP ก็ยังเก็บภาพตอนกลางคืนได้โหดเหมือนกัน
ต่อไปลองพลังซูมของกล้อง ไล่ตั้งแต่ 2 เท่า 4 เท่า ไปจนถึงซูมดิจิตอลสูงสุดที่ 30 เท่า
ซูมดิจิตอลโหดมาก เห็น BamBam ที่อยู่แต่ไกลได้ชัดเจนสุด ๆ
ลองซูมตอนกลางคืนบ้าง ก็ยังเห็นรายละเอียดได้ดี พออ่านตัวอักษรได้อยู่
ลองถ่ายโหมดพอร์ตเทรตดูบ้าง
ทดสอบกล้องวิดีโอ
รวมภาพถ่ายจาก Redmi Note 14 Pro+ 5G
ปิดท้ายด้วยภาพความละเอียด 200 MP
ระบบ AI ของ Redmi Note 14 Pro+ 5G
สำหรับตัว Redmi Note 14 Pro+ 5G ก็มาพร้อมระบบ AI และตัว AI ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ลองดูจากภาพนี้เลย ซ้ายคือภาพเดิม ขวาคือภาพที่ใช้ AI ช่วยลบบุคคลอื่น ๆ ออกจนหมด ลบได้เนียนมากก พร้อมใช้ AI ช่วยปรับให้ภาพมีความคมชัดมากกว่าเดิมด้วย
เบื้องหลังการใช้ AI สามารถกดเลือกใช้งานได้ง่าย ๆ เลย
ส่วนเครื่องมือ AI ตัวอื่น ๆ ก็ยังมีให้เลือกใช้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Circle to Search with Google, Google Gemini, ล่ามแปลภาษา AI, บันทึกย่อ AI, ตัวบันทึก AI, ซับไตเติล AI, ภาพยนตร์ AI และการตัดต่อภาพ AI
กล้องหลัง Redmi Note 14
ต่อด้วยตัวน้องเล็กอย่าง Redmi Note 14 ก็มาพร้อมกล้องหลังตามนี้ [กล้องหลัก 108MP|F/1.7|1/67″|(wide)] , [กล้องมาโคร 2MP|F/2.4|macro] , [กล้อง Dof 2MP|F/2.4|depth]
ลองเทสการซูม ก็ได้ตามนี้
รวมภาพถ่ายจาก Redmi Note 14 Pro+ 5G
เอาจริง ๆ นะ ตัวเครื่อง Redmi Note 14 ถ่ายภาพได้เกินราคามาก สวยไม่แพ้รุ่น Top เลย แต่ก็แน่นอนว่ามีหลาย ๆ ฟีเจอร์ถูกตัดออกไปพอควร โดยเฉพาะระบบ AI
ลองถ่ายภาพความละเอียด 108 MP
สรุป
โดยรวมก็กล่าวได้เลยว่า Redmi Note 14 Series เป็นสมาร์ทโฟนระดับ Mid-Range ที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่งในราคาพอ ๆ กันเลย ดูจากตัว Top สุดของซีรีส์อย่าง Redmi Note 14 Pro+ 5G ทั้งดีไซน์ วัสดุ หน้าจอ ชิปประมวลผล กล้อง และขุมพลัง AI ทั้งหมดทั้งมวลในราคาเพียง 14,990 บาท บอกเลยว่าคุ้มค่าสุด ๆ โดยเฉพาะตัวกล้อง + AI เป็นอะไรที่บ้ามาก สมกับที่กล่าวเลยว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้กล้องระดับเรือธง สุดรุ่น Redmi Note 14 ที่รับเป็นน้องเล็กสุดของซีรีส์ ด้วยราคาไม่เกิน 6 พันบาทหรือเพียง 5,999 บาท ได้กล้องระดับนี้ก็จัดว่าโหดแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเครื่องถูกตัดตอนสเปกไปหลายอย่างพอควร ก็ตามราคาที่หายไปเกือบหมื่นบาทเลย แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนในงบนี้ ก็จัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ แล้วครับ
ราคา Redmi Note 14 Series ทุกรุ่น
- Redmi Note 14 Pro+ 5G รุ่นความจุ 12GB+512GB8 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Lavender Purple, Frost Blue และ Midnight Black7 พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2568 โดยวางจำหน่ายในราคา 14,990 บาท
- Redmi Note 14 Pro 5G รุ่นความจุ 12GB+256GB8 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Lavender Purple และ Coral Green7 โดยวางจำหน่ายในราคา 11,990 บาท
- Redmi Note 14 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Lavender Purple และ Coral Green7 โดยรุ่นความจุ 8GB+256GB8 วางจำหน่ายในราคา 7,999 บาท และรุ่นความจุ 12GB+512GB8 วางจำหน่ายในราคา 9,999 บาท
- Redmi Note 14 รุ่นความจุ 8GB+256GB8 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Mist Purple และ Lime Green7 โดยวางจำหน่ายในราคา 5,999 บาท