ปิดตัวเกมใหม่ 8 ปี กับร้อยล้าน ตั้งใจสร้างหรือเป็นแผน

[เกิดช้าดับเร็ว] ขึ้นชื่อว่า ‘เวลา’ กับ ‘เงิน’ นับเป็นสองสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งสำหรับใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเวลาที่มีแต่จะหมดไป ส่วนเงินก็ไม่ใช่อะไรที่เสกจากอากาศได้ และยังก็ต้องใช้เวลาในการหาอีกด้วย แต่แล้วมีบริษัทหนึ่ง ได้ใช้ทั้งเวลาและเงินจำนวนมหาศาล ไปละลายทิ้งกับเกม ๆ หนึ่ง ซึ่งไม่แน่ชัดว่าพลาดจริง…หรือตั้งใจ

เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา Ryan Ellis ผู้ร่วมก่อตั้ง Firewalk Studios และผู้กำกับเกมแห่งปี (ในอีกความหมาย) อย่าง ‘Concord’ ได้ประกาศปิดให้บริการเกมดังกล่าวอย่างเป็นทางการ โดยประกาศผ่าน Blog ของ Playstation ซึ่งปิดให้บริการทั้ง PS5 และ PC พร้อมคืนเงินผู้ซื้อเต็มจำนวน จากทุกแพลตฟอร์มที่จำหน่าย

อาจไม่ใช่เรื่องแปลกหากเป็นเกมที่เปิดให้บริการมานาน แต่ไม่ใช่กับ Concord ที่ปิดตัวหลังวางจำหน่ายได้เพียง 14 วัน แม้จะเป็นเกม Sci-Fi แนว Hero Shooter แบบ Live Services ระดับ AAA ที่ทุ่มงบพัฒนากว่า 100 ล้านดอลลาร์ฯ (รวมโปรโมทอาจแตะ 200 ล้าน) ซึ่งคิดเป็นเงินไทยก็ราว ๆ 3.6 พันล้านบาท ทั้งยังใช้เวลาพัฒนากว่า 8 ปี แต่สุดท้ายก็เป็นฝุ่นในเวลาไม่ถึงเดือน โดยยังไม่ทันได้เก็บค่า Skin ค่า Battle Pass ให้สมกับที่เป็นเกม Live Services เลย

สาเหตุที่ปิดนั้น ทางผู้กำกับอย่าง Ryan Ellis กล่าวว่า “เกมไม่เป็นไปอย่างที่ทีมงานตั้งใจไว้” ซึ่งก็คงไม่เป็นอย่างที่หวังจริง ๆ เพราะหากดูสถิติผู้เล่นใน Steam นับตั้งแต่ตัวเกมวางจำหน่ายแล้ว พบผู้เล่นโดยเฉลี่ยแค่หลักร้อย (สุดท้ายไม่ถึงด้วย) กับผู้เล่นพร้อมกันสูงสุดเพียง 697 คนเท่านั้น ซึ่งสำหรับเกมยิงออนไลน์แบบ 5 vs 5 นี้แล้ว ตัวเลขดังกล่าวคือหายนะโดยแท้ หรือให้ว่าตามตรงเลยคือ “ชิUหาe”

พลาดจริง…หรือตั้งใจ ?

จากกระแส Woke หรือการ ‘ตื่นตัว’ ของเหล่าผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเชื้อชาติ เพศสภาพ และกระทั่งรูปร่างกับสีผิว โดยชูให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ดูเป็นความคิดที่ดี แต่อะไรที่มากไป ก็มักไม่ใช่เรื่องดี กลายเป็นยัดเยียด เหมือนอย่างที่เกิดกับวงการภาพยนตร์/ซีรีส์ และเกมในปัจจุบัน ที่พากัน ‘เจ๊ง’ หรือ ‘พัง’ มานักต่อนักแล้ว ทว่าเหล่าผู้สนับสนุนการ Woke เหมือนจะมุ่งหน้าสร้างแรงผลักดันนี้ต่อไป โดยพยายามเน้นสื่อบันเทิงหลักทั้ง 2 นี้เป็นพิเศษ จนน่าคิดว่า “นี่เป็นความตั้งใจ” หรือ “ความพยายาม” ต่ออะไรบางอย่างหรือเปล่า เช่นอยากได้พื้นที่สื่อ หรืออยากได้คะแนนจากหน่วยงาน DEI (Diversity, Equity และ Inclusion) เพื่อเอามาลดย่อนภาษีหรือดอกเบี้ยกองทุนใหญ่บางแห่งในสหรัฐฯ จนถึงขนาดยอมแลกแรงกายของทีมผู้ผลิต (ที่บางคนอาจไม่เต็มใจ) และใช้งบประมาณจำนวนมากนี้อย่างไม่รู้จบ

8 ปีกับร้อยล้าน คือสิ่งที่ทางค่าย Firewalk Studios รวมไปถึงเจ้าของตัวจริงอย่าง Sony ได้สูญเสียไปอย่างช็อควงการ หากเป็นค่ายพัฒนาเกมอื่น ความสูญเสียระดับนี้ อาจถึงขั้นปิดสตูดิโอไม่ก็ Layoff ปลดคนออกยกชุดไปแล้ว ทว่าเหมือนจะไม่มีข่าวร้ายนั้นกับทางค่ายดังกล่าว (และขออย่าให้มีเลย) ว่าแล้วก็มาย้อนประวัติของค่ายนี้กันสักนิด รวมถึงมาดูเลยว่าที่มาแบบนี้ สรุปแล้วตัวเกมสร้างมาเพื่อปังหรือพังกันแน่

ย้อนกลับไปในปี 2018 ได้มีการก่อตั้ง Firewalk Studios ค่ายเกมที่เกิดจากการรวมตัวของ All Star ทีมพัฒนามากประสบการณ์ ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในแฟรนไชส์ต่าง ๆ ทั้ง Call of Duty , Destiny , Halo , Apex Legends และ Mass Effect กับเคยทำงานใน Bungie , Respawn Entertainment , Activision , BioWare และ Raven Software มาก่อนด้วย นับเป็นค่ายพัฒนาเกมใหม่ที่น่าจับตามองพอสมควร เพราะมีทีมงานระดับ AAA มารวมตัวกันเพียบ

ในช่วงที่รวมตัวอยู่นั้น ดูเหมือนทางทีมก็กำลังพัฒนาเกม AAA อยู่เกมหนึ่งด้วย ซึ่งอาจไปเข้าตา Sony จนยอมทุ่มเงินซื้อค่ายเกมนี้ให้มาอยู่ในเครือก็ตัวเอง และในที่สุดก็ออกมาเป็นเกม Concord ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่

มีทั้งการโปรโมทผ่านสื่อออนไลน์ทุกช่องทาง มีทั้งคลิปโปรโมทในช่อง Youtube ของ Sony อยู่หลาย ๆ คลิป มีทั้งโชว์แผนอัปเดต 2 ซีซั่น มีทั้งการทำแอนิเมชั่น พร้อมเตรียมเขียนบทเนื้อเรื่องอย่างดี ตอกย้ำด้วยการแสดง ‘ความมั่นใจ’ อย่างแรงกล้า จากฝั่งทีมพัฒนาด้วย สะท้อนเลยว่าตัวเกมคงสร้างมาอย่างตั้งใจจริง ไม่ได้สร้างมาเพื่อพัง แต่ก็น่าคิดว่าอีกตัวเกมเปิดแล้วปิดลงอย่างไว ไม่มีการดิ้นรนอะไรเลย จนตอนนี้เริ่มมีหลายคนคิดไปถึงเรื่อง ‘การฟอกเงิน’ กันแล้ว จึงบอกได้ยากจริง ๆ ว่า ตัวเกมมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?

ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ใช้ที่ชื่อ Freegunner M เผยตนเองเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาเกม Concord ได้ออกมาตอบโต้เกมเมอร์ที่วิจารณ์เกมดังกล่าวว่าเป็นพวก “talentless freaks” พร้อมยืนยันว่าเกมมีความสนุก (ปัจจุบันบัญชีผู้ใช้ X รายนี้ ถูกตั้งค่าเป็นส่วนตัวแล้ว)

ใด ๆ ก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลที่ทั้ง Firewalk Studios กับ Sony ลงแรงช่วยกันอยู่ก่อนหน้านั้น กลับไม่ได้ผลตอบรับที่ดีจากเหล่าเกมเมอร์เลย เพราะตัวเกมกลับมีกลิ่นอายความ Woke ที่เกินไปอย่างชัดเจนมาก ๆ สะท้อนจากตัวละครในเกม ที่แทบไม่ได้สร้างแรงดึงดูดอะไรมาก (เดี๋ยวมาว่ากันในหัวข้อถัดไป) ยกเว้นกับ ‘บางสื่อ’ ในต่างประเทศ ที่ออกมาสนับสนุนเกมนี้ พร้อมให้คะแนนรีวิวอย่าง ‘เป็นกลาง’ แต่นั้นก็ยิ่งสร้างกระแสแง่ลบขึ้นไปอีก จนกลายเป็นว่าที่เกมเจ๊ง 2024 ตามรอยผลงานหนังและเกมอื่น ๆ ที่มี ‘บางอย่าง’ คล้ายกัน ซึ่งกำลังรอตอนรับ ‘เพื่อนใหม่’ มาลงหลุมไปด้วยกันอีกราย …ที่สุดแล้วก็ “Say hello” กันเรียบร้อย

Concord พังเพราะอะไร ?

ภาพจาก https://gamerant.com/concord-customization-recolor-skins-themed-overwatch-crossover/

ว่ากันอย่างตรงไปตรงมา คือเรื่องของ [Character Design] ที่เกมควรจะสร้างเป็นภาพแรกและภาพจำที่ดีให้ได้ก่อน เหมือนอย่างที่เคยซื้อตลับเกม FINAL FANTASY III สมัยยุค Famicom ที่ได้ศิลปินระดับตำนานอย่างคุณ Yoshitaka Amano มาช่วยวาดภาพปกให้อย่างงาม (แม้เล่นจริงจะเป็นภาพ Pixel แต่ Gameplay มันสนุกมากนะเออ) แต่กับเกม Concord แล้ว ภาพจำคือสอบผ่าน…แต่เป็นจำแบบฝังใจแทน

ไล่ตั้งแต่การออกแบบสี Costume ยันสีผมตัวละครที่ดูผิดเพี้ยนอย่างรุนแรง มีการใช้สรรพนามเรียกเพศตัวละครนั้น ๆ โดยเฉพาะ มีรูปร่างตัวละครบางตัวที่ดู Obesity หรือเหมือนเป็นโรคมากกว่าดูปกติ หรือตัวละครชายที่ดูไม่ฮึกเหิม แต่ไปฮึกเหิมที่ตัวละครหญิงซะส่วนใหญ่แทน ซึ่งก็ไม่ได้ดูดีจนน่าหยิบมาเล่น ทั้งที่ตัวเกมคือ Hero Shooter ที่ควรจะให้ผู้เล่นรู้สึกอยากเอามาปั้นเป็น MAIN HERO ไว้สู้กับผู้เล่นอื่นแท้ ๆ

ว่าด้วย Gameplay มีเกมเมอร์หลาย ๆ คน ที่ได้ลองเล่นแล้ว ต่างก็พูดเป็นเสียงกันว่า เกม Concord ไม่มีปัญหาเรื่องกราฟฟิก กระทั่ง Movement ที่พอสมกับเป็นเกมแนวนี้อยู่ ทว่าทุกอย่างดู ‘เป็นกลาง’ จนเกินไป โดยตัวเกมจำหน่ายในราคา 40 ดอลลาร์ฯ หรือ 1,290 บาทในไทย ขณะเดียวกันก็มีเกมในรูปแบบคล้ายกัน แต่เปิดให้เล่นฟรี และยังมีตัวละครที่ดึงดูดกว่าด้วย

อีกหนึ่งข้อเสียสำคัญของเกมคือ Balance ไม่ดี คือตัวเกมเป็น Hero Shooter ซึ่งก็มีตัวละครแต่ละตัวที่เล่นไม่เหมือนกัน บางตัวเหมาะสำหรับเล่นเป็นสายทำความเสียหาย (Damage) บางตัวเป็นสายป้องกัน (Tank) และบางตัวเป็นสายสนับสนุน (Healer) ทว่าทุกตัวละครนี้กลับขาดสมดุล ทำให้ตัวละครบางตัวไม่สามารถเล่นให้ ‘เฉิดฉาย’ ได้เลย น่าแปลกใจที่ทีมงานมากประสบการณ์ระดับ AAA ไม่ได้ตระหนักถึงส่วนนี้เลยหรืออย่างไร

Character Design จำเป็นไหม ?

คงไม่แฟร์ถ้าจะบอกว่าเกมทุกเกมควรมี Character Design ที่ดี คือต้องมีความสวยหล่อ หรือเป็นเอกลักษณ์ขั้นสุด อย่างการได้เล่นเป็น ‘แพะ’ ในเกม Goat Simulator หรือ ‘กระรอก’ ถือปืนใน Squirrel with a Gun เอาเข้าจริงหากเกมมีเนื้อเรื่องที่ดี มีเกมการเล่นที่สนุก แม้ตัวละครไม่เด่น ก็อาจไปได้สวยเช่นกัน ถึงอย่างนั้นถ้า Character Design ดี ยังไงก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว หากครบทั้งการออกแบบและเกมเพลย์ ก็คือว่าที่ GOTY (Game of the Year) กันเลย

หรือต่อให้จะ Woke จริง ๆ แต่ถ้ามันพอดี เหมือนอย่าง CJ ตัวละครผิวสีจาก Grand Theft Auto: San Andreas หรือ Tracer ตัวละครเพศหญิงที่เป็น LGBT จาก Overwatch ทั้งสองต่างก็เรียกได้ว่าเป็น Iconic ประจำเกมไปแล้ว เหล่าเกมเมอร์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตัวละครทั้ง 2 นี้เลย อย่าง CJ ก็ยังปรากฏในร่าง Mod อยู่หลาย ๆ เกม ส่วน Tracer ก็ปรากฏใน Ru… (แค่ก ๆ) ปรากฏในภาพโปรโมทเกมหลาย ๆ ครั้ง และเชื่อว่าเป็น MAIN HERO ของผู้เล่นหลายคนด้วย

เอาเป็นว่าหลังจากนี้ ให้ทุกคนพอรู้จักกระแส Woke กับข่าวเกม Concord มากขึ้น ก็เพียงพอแล้วสำหรับบทความนี้ ยาวเกินไปก็ขออภัย และหากมีอะไรตกหล่น ก็มาคอมเมนต์ได้เช่นกันครับ

ที่มา : Reddit , Gameworldobserver , PCgamer , Sonyinteractive

แชร์ :
Follow us
Most popular
Category
Tag

Relate Article