ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ ในฐานะ Creator และเกมเมอร์คนหนึ่ง ที่มีโอกาสจัดโต๊ะคอมฯ ด้วยตัวเอง และปัจจุบันก็ต้องทำความสะอาดเองด้วยเช่นกัน แต่ปัญหาคือผมขี้เกียจ (ฮ่า) สุดท้ายปล่อยให้สารพัดสิ่งสกปรกสะสมใต้โต๊ะ จนเกือบเป็นหมู่บ้านแมลงสาปอยู่รอมร่อ ครั้นจะกวาดก็ขึ้เกียจหาที่ตักผง จะถูพื้นก็ขี้เกียจชุบน้ำกับหิ้วถังน้ำไปด้วย หากมีอุปกรณ์อะไรที่ทำทั้งสองอย่างในตัวเดียวเลย ก็คงดีไม่น้อย
และในที่สุดก็ได้พบกับ Dyson V12s Detect Slim Submarine เครื่องดูดฝุ่นจากแบรนด์ดัง ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสะดวกสะบาย (และพรีเมี่ยม) มานาน ครั้งนี้ก็มาพร้อมหัวดูดแบบใหม่อย่าง Submarine หรือควรเรียกว่าลูกกลิ้งเปียก ที่ช่วยถูพื้นได้ นับเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบแห้งและเปียกเครื่องแรก สามารถดูด, ถู, เผยฝุ่น, และป้องกันการพันกันของเส้นผม ครบ จบ ในเครื่องเดียว ถูกใจแม่บ้านหรือพ่อบ้าน (ใจกล้า) นักแล แน่นอนว่าใช้ดีไหม ลองมาดูรีวิวนี้กันครับ
ฟีเจอร์เด่น
- Dyson V12s Detect Slim Submarine™ เป็นเครื่องดูดฝุ่นอเนกประสงค์แบบเปียกและแห้งรุ่นล่าสุดจาก Dyson เพื่อช่วยให้เจ้าของบ้านชาวไทยสามารถทำความสะอาดได้ครบวงจรด้วยเครื่องดูดฝุ่นเพียงเครื่องเดียว
- ‘หัวดูดลูกกลิ้งเปียก’ มาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุดที่สามารถ
ดูด, ถู, เผยฝุ่น, และป้องกันการพันกันของเส้นผม ครบ จบ ในเครื่องเดียว - นอกจากนี้ยังมาพร้อมหัวดูดหลากหลายรูปแบบ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทำความสะอาดคราบสกปรก ส่องฝุ่นที่ซ่อนอยู่บนพื้นผิวบ้าน ทำความสะอาดพื้นผิวสูงและต่ำ ป้องกันปัญหาเส้นผม,ขนสัตว์พันกันในหัวดูด พร้อมช่วยให้คุณทำความสะอาดบ้านได้อย่างล้ำลึก
แกะกล่อง
ตามสไตล์เครื่องดูดฝุ่นจาก Dyson ซื้อครั้งเดียวจบ อุปกรณ์มาเต็ม คือแทบไม่ต้องซื้อหัวดูดหรืออุปกรณ์เสริมอะไรเพิ่มเติมเลย ในกล่องมีให้พร้อมแล้ว
สำหรับหัวดูดหลัก ๆ (ภาพแรกจากซ้ายไปขวา) ก็มีสามหัวอย่าง อาทิ Submarine หัวดูดลูกกลิ้งเปียก Motorbar หัวดูดทำความสะอาดแบบทุกพื้นผิว เช่น พรม พื้นแข็ง กระเบื้อง และ Fluffy Optic หัวดูดทำความสะอาดพร้อมเลเซอร์เขียวสแกนฝุ่น นอกนั้นก็มีหัวดูดอื่น ๆ อย่าง (ภาพสองจากซ้ายไปขวา) หัวดูดเก็บเส้นผม หัวดูดปากแคบ และ หัวดูด 2-in-1 สุดท้ายตัวข้อต่อสีทองที่เพิ่มความยาวได้ถึง 1 เมตร
ในกล่องก็มีตัวหัวชาร์จและที่แขวนตัวเครื่องดูดฝุ่นกับผนัง ที่สามารถติดตั้งหัวชาร์จภายในได้ ช่วยให้แขวนเก็บและชาร์จไฟในคราวเดียว
งานออกแบบ
งานออกแบบคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ใครที่เป็นแฟน ๆ ของ Dyson เห็นปุ๊ปก็คงรู้ได้ทันทีว่านี่คือแบรนด์อะไร เป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ดูไม่เหมือนอุปกรณ์ทำความสะอาด แต่เหมือนเป็นอุปกรณ์ที่หลุดจากหนัง Sci-Fi ยังไงยังงั้น
หัวใจสำคัญของตัวเครื่อง นอกจากหัวดูดสารพัดแล้ว ก็มีตัวมอเตอร์ Dyson Hyperdymiun ที่มาให้รูปแบบคล้ายปืนอวกาศเช่นเคย ตามสเปกก็มาพร้อมแรงหมุนถึง 125,000 รอบต่อนาที ช่วยสร้างแรงดูดได้ทรงพลัง กับมีเทคโนโลยี Root Cyclone หรือไซโคลน 11 ตัว ช่วยสร้างกำลังได้ถึง 100,000 g เอาง่าย ๆ ก็เป็นระบบช่วยเพิ่มแรงดูดให้มากกว่าเดิม และยังใช้เป็นที่เก็บฝุ่นในตัว ซึ่งสามารถปลดแล้วเทออกได้ง่าย ๆ ด้วย
ด้านหลังก็เป็นตัวช่วยกรองฝุ่นและอากาศ คือทุกครั้งที่ใช้งาน ตัวเครื่องมันจะดูดลมรอบ ๆ แล้วเป่าออกด้านหลัง ซึ่งด้านหลังก็มีไส้กรอง ช่วยกรองอากาศที่ถูกเป่าออกมาอีกที เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ใช้นั้นเอง แน่นอนว่าสามารถถอดออกเพื่อทำความสะอาดได้โดยง่าย
ปุ่ม Power ที่ปัจจุบันไม่ได้อยู่บริเวญด้ามจับแล้ว แต่ไปอยู่ด้านบนของตัวเครื่องแทน ส่วนตัวแอบเสียดายนิด ๆ อยากให้อยู่ตำแหน่งเดิมมากกว่า (อดเอาไป “เบียว” เลย – -) แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นการออกแบบเพื่อการใช้งานที่สะดวกขึ้น
ตัวเครื่องมาพร้อมแบตฯ ในตัว ทำให้ใช้งานไร้สายได้ และใช้ได้นานสูงสุดถึง 60 นาที (โหมด Eco กับพื้นแข็ง) สามารถถอดออกได้ หากต้องใช้งานแบบต่อเนื่อง (ถ้ามีแบตฯ อีกก้อน)
ด้านหลังก็มีหน้าจอแสดงผล ที่จะแสดงให้เห็นเลยว่า ดูดฝุ่นไปแล้วเท่าไร เป็นฝุ่นขนาดไหนบ้าน และมีเวลาการใช้งานแบตฯ ที่เท่าไร ส่วนปุ่มด้านล่างก็สามารถกดเพื่อเปลี่ยนโหมดการใช้งานได้ โดยส่วนนี้จะมาพูดถึงอีกในหัวข้อ “ประสิทธิภาพ”
การใช้งาน
ในรีวิวนี้ก็จะมาลองใช้หัวดูด 6 ชนิดที่แถมมาในกล่องทั้งหมด ลองมาดูกันว่าหัวดูดทั้งหมด จะมีการใช้งานอย่างไร และสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่ายแค่ไหน
Submarine หัวดูดลูกกลิ้งเปียก
ขอจัดหนักกับพระเอกของรีวิวนี้ก่อนอย่าง Submarine หรือหัวดูดลูกกลิ้งเปียก อันทีจริงต้องบอกว่า มันไม่ใช่หัวดูด เพราะตัวมันไม่ได้มีท่อสำหรับดูดฝุ่นขึ้นไปเหมือนหัวอื่น ๆ หากแต่เป็นหัวที่มาพร้อมลูกกลิ้งเปียก ซึ่งสามารถใช้แรงหมุนจากมอเตอร์ Dyson Hyperdymiun ได้
ไม่ท่อจริง ๆ นะเออ
เช่นเคย สามารถถอดออกได้ และถอดได้ง่าย ซึ่งตัวลูกกลิ้งเปียกไปทำความสะอาดหลังใช้งาน กับตัวถังเก็บน้ำ ก็ถอดแยกต่างหากเพื่อนำไปเติมน้ำกับเทน้ำเสียทิ้งได้
ในส่วนช่องใส่น้ำสะอาดขนาด 300 มิลลิลิตร (จากนี้ขอเรียกว่า ‘ถังเก็บน้ำ’) จุดนี้จะใช้น้ำเปล่าหรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะมาเติมก็ได้ ตามแต่สะดวกเลย โดยเต็มหนึ่งครั้ง ก็สามารถใช้ทำความสะอาดพื้นได้ถึง 110 ตร.ม.
ลักษณะการทำงานของหัว Submarine คือมันจะดูดน้ำที่เราเติม แล้วนำมาใช้กับลูกกลิ้งเปียกให้ถูพื้นได้อย่างลื่นไหล และไม่ต้องชุบน้ำเหมือนก่อนแล้ว จากนั้นก็เก็บน้ำสกปรกไว้ในตัวอีกที เรียกได้ว่าเป็นไม้ถูพื้นแบบ 2-in-1 จบในตัวเดียว อีกทั้งตอนใช้งานหัวนี้ จอด้านหลังเครื่องก็จะแสดงผลเป็นไอคอนรูปหยดน้ำตามภาพ พร้อมแบตฯ ปริมาณแบตฯ ที่ใช้งานได้
ตัวอย่างการใช้งาน
หลังใช้งานเสร็จ ก็ควรถอดตัวลูกกลิ้งมาทำความสะอาดและตากให้แห้ง (ไม่ควรปล่อยไว้ เพราะจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นเยี่ยมเลย) ส่วนตัวถังเก็บน้ำสกปรกขนาด 360 มิลลิลิตร ที่อาจมีทั้งฝุ่นและคราบซึ่งติดมาจากการถู ก็อย่าลืมเทน้ำสกปรกที่เก็บไว้บริเวณถาดเก็บน้ำออกด้วย
ล้างเสร็จก็เก็บใส่ถาดเก็บ
Fluffy Optic หัวดูดทำความสะอาด
อาจเรียกได้ว่าเป็นหัวดูดหลัก ที่ใช้งานได้ครอบจักรวาลทีเดียว และรุ่นหลัง ๆ ก็มาพร้อมเลเซอร์สีเขียวรุ่นใหม่ ซึ่งเผยฝุ่นได้มากกว่าเดิม 2 เท่า
สามารถถอดลูกกลิ้งออกมาทำความสะอาดได้ไม่ยาก เพียงดันตัวล็อคด้านข้างออกเท่านั้น
เลเซอร์สีเขียว (FLUFFY OPTIC) สามารถเผยให้เห็นฝุ่นที่ปกติมักมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นได้ง่ายขึ้น อาจเรียกได้ว่าเป็นตัววัดคะแนนการทำความสะอาดเลย คือหากฉายเลเซอร์แล้วยังเห็นฝุ่นอยู่ แสดงว่างานยังไม่เสร็จ ถ้าฉายแล้วไม่เจอ ก็แสดงว่า “Good Job”
Motorbar หัวดูดทำความสะอาด (ทุกพื้นผิว)
เป็นหัวดูดที่เน้นความจริงจังมากขึ้น เหมาะสำหรับดูดฝุ่นที่ฝั่งลึก เช่น ฝุ่นในพรม หรือพื้นแข็งอื่น ๆ อาทิ ปาเกต์ พื้นปูน และกระเบื้อง แต่ส่วนตัวชอบนำมาดูดพรมมากกว่า เพราะเห็นชัดเจนมาก
ตัวหัวแปลงก็สามารถถอดออกได้ และน่าจะทำความสะอาดง่ายกว่าหัวดูดอื่น ๆ ด้วย
ในการใช้งานก็นำไปดูดพรมตามที่ต้องการ จุดนี้ก็จะพบเลยว่า ในพรมมีฝุ่นเยอะเกินคาด ดูได้จากตัวเลขนับฝุ่นที่จอด้านหลัง กับฝุ่นที่ดูดติดเข้ามาในเครื่อง
หัวดูด 2-in-1 กับ หัวดูดปากแคบ
สองตัวดูดอเนกประสงค์ เหมาะสำหรับดูดฝุ่นตามซอกที่เข้าถึงยาก หรือหัวดูด 2-in-1 ที่ใช้ตัวแปลงช่วยปัดฝุ่นพร้อมกับดูดทำความสะอาดได้ในตัวเดียว
ตัวอย่างการใช้งาน
หัวดูดเก็บเส้นผม
ปิดท้ายด้วยหัวดูดเก็บเส้นผม นับเป็นอีกหัวดูดที่ทาง Dyson ภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อย โดยชูเลยว่า สามารถดูดเส้นผมที่ปกติมักพัดติดในเครื่องดูดฝุ่นหลาย ๆ รุ่น แต่สำหรับเครื่องดูดฝุ่น Dyson นั้น “ไม่มีปัญหา”
และเช่นเคย สามารถถอดออกได้ เอาจริง ๆ หัวดูดฝุ่นทั้งหมดของ Dyson สามารถถอดทำความสะอาดได้หมดเลย และถอดออกได้ง่ายเหมือน ๆ กันด้วย
ลองทดสอบใช้หัวดูดนี้ แต่ในห้องไม่มีเส้นผมให้ลองใช้ ก็ลองนำเส้นดายแทน ผลคือดูดติดได้ง่าย ๆ ไม่มีปัญหา
ให้ภาพ GIF ช่วยยืนยันว่าดูดติดง่ายจริง
ประสิทธิภาพ
มาถึงส่วนสำคัญของรีวิวนี้แล้ว ในเมื่อชูว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นระดับ Hi-End ใช้งานสะดวก พร้อมกับการมาของหัวดูดแบบใหม่อย่าง Submarine ฉะนั้นลองมาดูกันชัด ๆ ไปเลยว่า สามารถใช้งานได้ดีจริงไหม
เริ่มจากหัวดูดแบบ Fluffy Optic ลองลากไปเบา ๆ ก็พบว่าดูดฝุ่นได้เกือบหมดจากการปาดครั้งเดียวเลย (เปิดโหมดปานกลางหรือ Med)
ต่อไปลองใช้พี่ใหญ่อย่างหัวดูดลูกกลิ้งเปียกหรือ Submarine ถูคาบที่ดูดไม่เข้า จากนั้นก็ใช้เลเซอร์จากหัว Fluffy Optic ช่วยสแกนผลงาน ผลคือสามารถจัดการคราบดังกล่าวได้เกือบหมดจด นี่คือข้อดีของการมีเครื่องดูดฝุ่น ที่ทั้งดูดทั้งถูได้ในเครื่องเดียว (แต่ต้องเปลี่ยนหัวดูดด้วยนะ)
ยัง ยังไม่จบ ขอทดสอบหัวดูด Submarine อีกรอบ คราวนี้ลองถูคราบน้ำที่หกเลอะพื้นไม้ดู ผลคือสามารถจัดการได้หมดจด
แล้วถ้าเป็นคราบน้ำหกจำนวนมากล่ะ ก็ยังสามารถจัดการทำความสะอาดไม่ง่าย ๆ จัดการได้สบาย ๆ
ลองดูฟีเจอร์นับและจำแยกฝุ่นของตัวเครื่อง พร้อมกับดูดฝุ่นจากพรมไปด้วย จุดนี้จะเห็นเลยว่า ตัวเครื่องมีการแรงความแรงในการดูดให้อัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องมาปรับเอง และยังเป็นประหยัดแบตฯ ไปคราวเดียว
สำหรับอายุการใช้งานแบตฯ จากสเปกคือใช้งานได้สูงสุด 60 นาที จุดนี้ก็มีเงื่อนไขว่าต้องใช้โหมด ECO หรือความแรงแบบเบาสุด ใช้กับหัวดูดที่ไม่มีลูกกลิ้ง และใช้งานบนพื้นแข็ง หากใช้กับหัวดูดหลักอย่าง Fluffy Optic ก็ใช้งานได้ 30 นาทีกว่า ๆ หากใช้โหมดความแรงปานกลางก็ใช้งานได้ราว ๆ 20 นาที และสุดท้ายโหมด Boost ความแรงสูงสุด ใช้ดูฝุ่นที่ฝังลึกหรือทำความสะอาดยาก ก็ตามสภาพ ใช้ได้ราว ๆ 3-4 นาที
สรุป
จากที่เคยเป็นคนขี้เกียจทำความสะอาด ปัจจุบันกลายเป็นคนเสพติดการดูดฝุ่นถูพื้นไปเรียบร้อย หลังเจอความสะดวกสบายจาก Dyson V12s Detect Slim Submarine ที่ได้ลองรีวิวไป ต้องบอกเลยว่าตัวเครื่อง สามารถช่วยให้การทำความสะอาดกลายเป็นเรื่องสนุกไปเลย การได้เห็นตัวเลขฝุ่นชนิดต่าง ๆ ที่ถูกดูดและนับจำนวนเข้ามาแบบ Realtime การได้เห็นฝุ่นที่มันหายไปจริง ๆ จากแสงเลเซอร์สีเขียว และการได้ปิดงานด้วยหัวดูดแบบใหม่อย่าง Submarine ที่ใช้เป็นไม้ถูพื้นแบบ 2-in-1 ทั้งถูและชุบน้ำไปในตัว ลืมภาพตอนแบกถังน้ำเหมือนก่อนไปเลย ทั้งรอบนี้ตัวเครื่องยังใช้งานแบบไร้สายหรือแบตฯ ได้นานกว่าเดิมด้วย
Dyson V12s Detect Slim Submarine นับเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดสมัยใหม่โดยแท้ ปัจจุบันที่โต๊ะคอมฯ ต้องมีตัวเครื่องแขวนไว้ใกล้ ๆ เพื่อนำมาใช้งานได้ทันที วันไหนขยันก็เอามาใช้ถูพื้นให้ทั่วห้อง หรือทั่วบ้าน จุดไหนเข้าถึงยาก ๆ ก็เปลี่ยนไปใช้หัวดูดที่เหมาะสม ซึ่งทาง Dyson ก็จัดมาให้ครบในกล่องเดียวแล้ว เลือกใช้ได้ตามสะดวก เพิ่มความสนุกในการทำความสะอาดไปอีกแบบ
พูดถึงข้อดีแล้ว มาพูดถึงข้อสังเกตหน่อย สำหรับตัว Dyson V12s Detect Slim Submarine นี้ หากใช้หัวดูดแบบ Submarine ก็อาจต้องระวังไม่ให้น้ำหกออกจากตัวหัวดูด เพราะตัวน้ำจะถูกเก็บไว้ส่วนหนึ่ง โดยไม่ได้มีฝาปิดอะไรเอาไว้ หากพลิกหรือตะแคงสุ่มสี่สุ่มห้า น้ำที่ถูกพักไว้อาจไหลออกได้เลย ได้ถูกใหม่อีกรอบแน่ ฉะนั้นจุดนี้อาจต้องระวังหน่อย
ท้ายนี้ตัว Dyson V12s Detect Slim Submarine หากใครสนใจ สามารถไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dyson.co.th