[หลักฐาน] จากกล้องวงจรปิดยังทรงพลังเสมอ แน่นอนว่าคุณภาพของหลักฐาน ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกล้องเช่นกัน โดยเฉพาะการเก็บบันทึก ซึ่งจะดีไหมหากเราสามารถดึงข้อมูลย้อนหลังได้อย่างเต็มที่ ซึ่งกล้อง IP ทั่วไปอาจทำไม่ได้
รีวิวนี้พบกับ TP-Link VIGI ชุดคอมโบกล้องวงจรปิดแบบ Full Option จัดเต็มทั้งภาพและการบันทึก ดูย้อนหลังได้ 24 ชั่วโมง ควบคุมได้ทั้งที่บ้านและนอกบ้านตลอดเวลา สุดท้ายติดตั้งและใช้งานง่าย แต่ได้คุณภาพได้ไม่แพ้กล้องวงจรปิดในออฟฟิศ
รอบนี้เป็น TP-Link ซีรีส์ VIGI ในรุ่น NVR1104H-4P กล่องควบคุมกล้องวงจรปิดมาดใหม่ ประกอบง่ายและใช้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมด้วย VIGI C330I กล้องวงจรปิดพร้อมความละเอียดภาพ 3 ล้านพิกเซล พ่วงด้วย AI ตรวจจับอัจฉริยะ และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 ติดใช้งานแบบ outdoor อยู่ทนอยู่นาน
TP-Link VIGI NVR1104H-4P
- 4K HDMI Video Output & 16MP Decoding Capacity: ภาพคมชัดสูงถึง 8MP และแสดงผลภาพพร้อมกันได้ถึง 4-แชนเนล ให้คุณมั่นใจว่าจะเก็บภาพได้ทุกรายละเอียด จากทุกมุมมอง‡
- Simplified Deployment with PoE+: เชื่อมต่อและจ่ายไฟให้กล้อง PoE ได้ง่ายผ่านสาย RJ45 เพียงเส้นเดียว ไม่จำเป็นต้องใช้อะแดปเตอร์
- Simple HDD Installation†: ติดตั้งและถอดฮาร์ดดิสก์ได้ง่ายดายผ่านช่องด้านข้าง
- 4-Channel Simultaneous Playback△ : เล่นไฟล์วิดีโอย้อนหลังจากกล้องวงจรปิดได้ 4 กล้องพร้อมกัน เร่งความเร็วการเล่นภาพย้อนหลัง และค้นหาเหตุการณ์ในตารางเวลาเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ
- H.265+: กล้องวงจรปิดจะทำการส่งข้อมูลวิดีโอความคมชัดสูงที่ผ่านการบีบอัดเพื่อประหยัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ลดการใช้แบนด์วิธให้น้อยลง ช่วยลดขนาดไฟล์พื้นที่จัดเก็บข้อมูลโดยไม่ลดความละเอียดภาพ
- ONVIF Ensures Compatibility*: สามารถใช้งานกล้องวงจรปิดของ VIGI และแบรนด์อื่น ๆ ที่รองรับ ONVIF ร่วมกันได้ง่ายเพื่อสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่ทรงพลัง
- Plug & Play: สามารถเพิ่มกล้องวงจรปิด VIGI เข้าไปในระบบ NVR ได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงแค่เชื่อมต่อสายเข้าด้วยกันเท่านั้น
- 24/7 Continuous Recording: จัดเก็บข้อมูลไฟล์วิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อได้สูงถึง 10 TB เพื่อการเก็บรักษาข้อมูลอย่างรวดเร็วและความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูล
- Remote Monitoring: รองรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน VIGI, web UI และโปรแกรม VIGI Security Manager ให้คุณควบคุมและจัดการจากระยะไกลได้ง่ายและสะดวกสบาย
- Built-In Speaker: เพลิดเพลินกับการแสดงผลด้านเสียงแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
- Flexible Installation: สามารถติดตั้งได้ตามการใช้งาน ไม่ว่าจะยึด NVR กับผนังหรือวางไว้ที่บนโต๊ะ
TP-Link VIGI C330I
- 3MP Super-High Definition: กล้องวงจรปิด VIGI C330I มาพร้อมความละเอียดภาพ 3 ล้านพิกเซล — ให้ภาพคมชัดทุกรายละเอียด
- Human & Vehicle Classification: สามารถจำแนกบุคคลและยานพาหนะออกจากวัตถุอื่นๆ ทำให้แจ้งเตือนได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
- Smart Detection: มีการแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการบุกรุก การเข้าพื้นที่ที่กำหนด การบดบังหน้าเลนส์ และการเคลื่อนย้ายหรือละทิ้งวัตถุ
- Smart Video Enhancement: เทคโนโลยีการประมาลผลภาพวิดีโอระดับมืออาชีพของ VIGI จะช่วยปรับปรุงคุณภาพการแสดงผลภาพให้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับเทคโนโลยี Smart IR, WDR, 3D DNR และ Night Vision
- H.265+: กล้องวงจรปิดจะทำการส่งข้อมูลวิดีโอความคมชัดสูงที่ผ่านการบีบอัดเพื่อประหยัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ลดปริมาณการใช้งานแบนด์วิธให้น้อยลง ช่วยลดขนาดไฟล์พื้นที่จัดเก็บข้อมูลโดยไม่ลดความละเอียดภาพ
- Waterproof: รองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 เพื่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศ
- PoE/12V DC: เลือกวิธีจ่ายไฟได้ 2 รูปแบบ ไม่เพียงแค่อำนวยความสะดวก ยังทำให้การติดตั้งเป็นเรื่องง่าย
- 2.8/4/6 mm Lens: ไม่ว่าคุณจะต้องการเลนส์มุมกว้างเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่แคบ หรือเลนส์ระยะไกลเพื่อรองรับพื้นที่กว้าง C330I มาพร้อมกับหน้าเลนส์ 3 ระยะเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของคุณ
- Flexible Management: จัดการระบบความปลอดภัยของคุณได้เต็มที่ผ่าน 4 ช่องทาง : บนหน้าเว็บไซด์, หน้าระบบตั้งค่าใน NVR, แอป VIGI บนมือถือ และโปรแกรม VIGI Security Manger
แกะกล่อง
อุปกรณ์ภายในกล่อง TP-Link VIGI NVR1104H-4P ก็พร้อมทั้งตัวเครื่อง ชุดจ่ายไฟ เมาส์ขนามย่อม ชุดสกรูสำหรับขันเข้าตัว HDD และชุดคู่มือ
ส่วนตัว TP-Link VIGI C330I ก็มาพร้อมตัวกล้อง ชุดสกรูกับพุกเจาะผนัง สติ๊กเกอร์ช่วยติดตั้ง และชุดคู่มืออีกเช่นกัน
ภาพรวม
พูดถึงซีรีส์ VIGI ของ TP-Link สักเล็กน้อย เทียบกับซีรีส์ Tapo แล้ว VIGI จะมีความจริงจังในเรื่องกล้องวงจรปิดมากกว่า ในขณะที่ Tapo จะเข้าถึงง่าย ราคาไม่แรง เหมาะสำหรับทุกคน แต่ VIGI คือชุดเดียวจบ ควบคุมเหมือน PC เครื่องหนึ่ง ต่อออกจอใหม่ได้ และมั่นใจได้ทั้งเรื่องการเก็บภาพกับการเก็บบันทึกไฟล์ภาพ
อย่างครั้งนี้คือ VIGI NVR1104H-4P เป็น NVR หรือกล่องควบคุมกล้องวงจรปิดมาดใหม่ ดีไซน์ดูเป็นมิตรมากขึ้น จากเดิมจะเป็นกล่องเหล็กสีเทา คราวนี้เป็นกล่องพลาสติกสีขาว ในขนาดกะทัดรัด แลดูสะอาดตาแทน ส่วนตัวกล้อง VIGI C330I ก็มาพร้อมความละเอียดภาพ 3 ล้านพิกเซล และรองรับ H.265+ ด้วย ซึ่งจะนำมาจับคู่กับตัว VIGI NVR1104H-4P ในครั้งนี้เอง
หน้าตาของตัว VIGI NVR1104H-4P ก็มาเป็นกล่องพลาสติกสีขาว ดูเป็นมิตรกว่าขึ้น ไม่ดูเป็นเครื่องมือสำหรับห้องเซิร์ฟเวอร์เหมือนก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงประสิทธิภาพพอ ๆ กัน โดยตัวเครื่องสามารถรองรับภาพวิดีโอจากกล้อง 8MP พร้อมแสดงผลภาพพร้อมกันได้ถึง 4 Channel กับเชื่อมต่อและจ่ายไฟให้กล้องผ่าน PoE ได้ จัดเก็บข้อมูลไฟล์วิดีโอได้สูงถึง 10 TB
รองรับการแสดงผล 4 Channel จากกล้อง 4 ตัว โดยมีพอร์ต PoE x 4 ซึ่งหากเป็นรุ่นก่อน จะต้องมีกล่อง Switch Hub แยกต่างหาก แต่ตัวนี้ไม่ต้อง มีให้พร้อมในตัวเลย (แต่ถ้าเชื่อมต่อกล้องมากกว่า 4 ตัว Switch Hub ก็ยังจำเป็น)
นอกนั้นก็มีพอร์ต LAN แบบ 10/100 Mbps สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (เพื่ออัพเดตระบบและควบคุมจากระยะไกลได้) ช่อง USB 2.0 x 2 สำหรับต่อเมาส์และคียบอร์ด ช่อง Audio In/Out และช่องต่อออกจอ Monitor ที่มีทั้ง VGA และ HDMI สุดท้ายช่องต่อไฟเลี้ยง
ส่วนไฮไลท์ครั้งนี้ก็คือช่องติดตั้ง HDD ที่สามารถถอดฝาด้านข้าง แล้วนำ HDD มาติดตั้งได้ง่าย ๆ ไม่ต้องไล่ขั้นน็อตเหมือนก่อนแล้ว อนึ่งตัว HDD ควรใช้เป็นรุ่นสำหรับกล้องวงจรปิดโดยเฉพาะดีกว่า ไม่แนะนำให้ใช้ HDD ทั่วไป โดยของ WD ก็จะมีรุ่นสีม่วงหรือ WD Purple ส่วนของ Seagate ก็มีรุ่น SkyHawk เป็นต้น
มาดูที่ตัวกล้องกันบ้าง โดยเป็น VIGI C330I ที่นอกจากความละเอียด 3 ล้านพิกเซลกับรองรับ H.265+ แล้ว ก็ยังมาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย ทั้งระบบช่วยแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการบุกรุก การเข้าพื้นที่ที่กำหนด การบดบังหน้าเลนส์ และการเคลื่อนย้ายหรือละทิ้งวัตถุ ทั้งยังสามารถจำแนกบุคคล และยานพาหนะออกจากวัตถุอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้แจ้งเตือนได้แม่นยำมากขึ้น อีกหนึ่งจุดสำคัญเลย คือตัว AI ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ จะเป็น built-in ในตัวกล้อง ช่วยลดภาระในการทำงานของ NVR ได้เป็นอย่างดี และทำให้ประมวลผลประสิทธิภาพได้ดีขึ้นด้วย
ตัวกล้องถูกออกแบบให้ติดตั้งใช้งานแบบ outdoor หรือนอกบ้านได้ โดยมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP67 เพื่อการใช้งานในทุกสภาพอากาศ กับมี Lens แบบ 2.8 mm / 4 mm / 6 mm หน้าเลนส์ 3 ระยะ ครอบคลุมทั้งพื้นที่แคบหรือพื้นที่กว้าง
และสุดท้ายคือรองรับการจ่ายไฟผ่าน POE ทำให้เชื่อมต่อผ่านสาย LAN เส้นเดียวได้ หรือจะต่อไฟเลี้ยงต่างหากก็ได้ (หากไม่มี POE) อนึ่งตัวสายบริเวณส่วนเชื่อมต่อ ก็มีการหุ้มปลอกกันน้ำอย่างดี น้ำไม่เข้าไปได้ง่าย ๆ แน่นอน
การติดตั้ง
ในส่วนการติดตั้งนั้น อาจมีความยุ่งยากเล็กน้อย แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ยากอย่างที่คิด โดยเริ่มแรก ต้องมีสาย VGA หรือ HDMI เพื่อต่อจอ Monitor สำหรับแสดงผลก่อน จากนั้นก็ต่อสาย LAN จากเราเตอร์ ต่อเมาส์กับคียบอร์ด (จะต่อเมาส์อย่างเดียวก็ได้ แต่ถ้าต่อคียบอร์ดจะช่วยให้กรอกรหัสผ่านได่ง่าย) สุดท้ายต่อไฟเลี้ยงเป็นอันเสร็จ
บรรยากาศการติดตั้ง
หลังติดตั้งอะไรพร้อมแล้ว ก็ทำการเปิดเครื่อง แล้วตั้งค่าการใช้งานครั้งแรก ซึ่งส่วนนี้มันจะบังคับให้ตั้งรหัสผ่านก่อนเลย และให้ดีควรมีไอดีของ TP-link ด้วย เพราะจะช่วยให้ควบคุมตัวกล้อง VIGI จากระยะไกลได้
การใช้งาน
เข้าสู่การใช้งาน เปิดก็จะเจอกับหน้า Monitor กล้องแบบ 4 Channel ซึ่งหากติดตั้งกล้องครบ 4 ตัว ก็จะแสดงผลกล้องแบบ Real-Time ได้ทั้งหมด
แต่ถ้ามีกล้องตัวเดียว ก็เลือกแสดงผลภาพเดียวไปเลยก็ได้
หากกดเมาส์คลิกขวา ก็จะมีหน้าเมนูควบคุมปรากฏขึ้นตามนี้
หลัก ๆ คงไม่ได้ใช้อะไรมาก อย่างมากก็มีสลับใช้การบันทึกแบบ 24 ชั่วโมง หรือบันทึกเฉพาะตรวจพบการเคลื่อนไหว เพื่อประหยัดพื้นที่ใน HDD
ปรับแสงหน้าจอแสดงผลที่ต้องการ
และ [การเล่นที่บันทึกไว้] หรือก็คือการดูภาพวิดีโอย้อนหลังนั้นเอง
โดยสามารถเลือกย้อนดูได้อย่างละเอียด ตั้งแต่ช่วงเวลาวันที่ และตัวกล้องที่ต้องการดูได้
สามารถเลือกตัดช่วงที่สำคัญ เพื่อทำเป็นไฟล์วิดีโอหลักฐาน ออกจากตัว HDD หรือกล่องควบคุมก็ยังได้
ในหน้าตั้งค่า ส่วนนี้อาจต้องมีความเชี่ยวชาญระดับหนึ่ง หากเป็นผู้ใช้ใหม่ ก็อาจต้องใช้เวลาศึกษาอยู่หน่อย แต่บอกเลยว่าควรใช้ให้เป็น เพราะจะช่วยให้ควบคุมและใช้ประโยชน์ของชุดอุปกรณ์ได้อย่างเต็มที่
อย่างการตั้งค่าพื้นฐาน ก็คือการควบคุมหน้าแสดงผลของตัวกล้อง
สามารถปรับแสงสีและควบคุมการทำงานของตัวกล้องได้บางส่วน เช่นการตั้งค่าอินฟราเรด เพื่อการบันทึกภาพตอนกลางคืน หรือสั่งให้เปิดอัตโนมัติได้
ปรับความละเอียดของภาพวิดีโอที่แสดงก็ได้
เช็คกำลังไฟจากพอร์ต POE ที่กำลังใช้งาน
ตั้งค่าการจัดเก็บบันทึกไฟล์ข้อมูลวิดีโอ
และส่วนสำคัญเลย คือการตั้งค่าระบบตรวจจับอัตโนมัติ ซึ่งตั้งค่าได้เลยว่า จะให้ตัวกล้อง เลือกที่จะตรวจจับแบบไหนบ้าง หากอยากให้จับภาพการเคลื่อนได้ดีเป็นพิเศษ (และไม่รำคาญการแจ้งเตือน) ก็เลือกปรับ [ความอ่อนไหว] เป็นระดับสูงสุดไปเลยก็ได้
รวมไปถึงการตรวจจับพื้นที่ กำหนดบริเวณที่อยากให้ตรวจจับเป้นพิเศษ หรือจะใช้ค่าเดิมก็ได้ไม่ว่ากัน
อีกฟีเจอร์ที่อยากนำเสนอเป็นพิเศษเลย ก็คือการควบคุมจากระยะไกลหรือควบคุมผ่านแอปฯ ในสมาร์ทโฟน ก่อนอื่นต้องมีบัญชีของ TP-Link เข้า Log-in ในกล่องควบคุมให้เรียบร้อย
จากนั้นก็ติดตั้งแอปฯ ของ TP-Link ที่ชื่อ VIGI ลงในสมาร์ทโฟน เสร็จแล้วก็เปิดใช้งานตัวแอปฯ เข้า Log-in บัญชี TP-Link แบบเดียวกับที่ Log-in ในชุดกล่องควบคุม
เพียงเท่านี้ เราก็สามารถควบคุมการทำงานของตัว TP-Link VIGI จากที่บ้านได้ทุกเวลา แม้จะอยู่นอกบ้านก็ตาม ซึ่งการควบคุมนั้น แม้จะทำได้ไม่ละเอียดเท่าการควบคุมจากกล่องโดยตรง แต่ก็มากพอสำหรับการใช้งานพื้นฐานแล้ว
นอกจากดูเหตุการณ์แบบ Real Time ผ่านสมาร์ทโฟนได้แล้ว ก็สามารถเลือกเก็บไฟล์ภาพนิ่งหรือภาพวิดีโอที่บันทึกสด ๆ เดี๋ยวนั้นก็ยังได้ โดยตัวไฟล์จะถูกอัปโหลดมายังสมาร์ทโฟนโดยตรงได้ทันที
ตัวอย่างไฟล์ที่ถูกอัปโหลดเข้ามา จะโหลดลงสมาร์ทโฟนแล้วเอาไปแชร์ต่อก็ได้
หรือจะตั้งค่าส่วนสำคัญต่าง ๆ อย่างการตรวจจับอัตโนมัติหรือการบันทึกผ่านแอปฯ โดยตรงก็ได้ด้วย ส่วนตัวแอบคิดว่าตั้งค่าจากในนี้ ดูตั้งค่าง่ายกว่าในกล่องควบคุมซะอีก
ประสิทธิภาพ
ส่วนคุณภาพนั้น ก็ลองดูจากไฟล์ที่โหลดผ่านแอปฯ VIGI ก่อน ซึ่งจะเป็นไฟล์ที่ถูกบีบอัดมาอีกที แต่ความคมชัดก็ยังไม่ธรรมดา
ตัวอย่างไฟล์ภาพนิ่ง
ตัวอย่างไฟล์ภาพนิ่ง (กลางคืน)
ตัวอย่างไฟล์วิดีโอ