ศึกสมาร์ทโฟนราคาเกือบหมื่นหรือหมื่นต้น ๆ บอกเลยว่าเดือดไม่แพ้สมาร์ทโฟนระดับ Top กันเลย พิสูจน์ได้จากรีวิวนี้ พบกับ Samsung Galaxy A23 5G สวยครบเครื่อง ในงบไม่เกินหมื่น แต่ได้สเปกและฟีเจอร์ที่หรูหราจนไม่นึกว่ามีราคาเพียง 9,XXX บาทเท่านั้น นับเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางอีกตัวที่น่าสนใจพอควร เป็นไงมาดูกันครับ
รายละเอียดสเปก Samsung Galaxy A23 5G
หน้าจอ : Infinity-V ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2408 x 1080) รองรับ 120Hz พร้อม Gorilla Glass 5
หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 695 5G (6 nm)
ชิปกราฟิก : Adreno 619
แรม : 8GB
รอม : 128G
กล้องหลัง : Ultra-Wide 5MP [F/2.2] + Wide 50MP [F/1.8] OIS + Macro 2MP [F/2.4] + depth 2MP [F/2.4]
กล้องหน้า : 8MP [F/2.2]
แบตฯ : 5,000mAh รองรับชาร์จไว 25W
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi ac , Bluetooth 5.1
ระบบปฏิบัติการ : Android 13 ครอบทับด้วย One UI 5.0
ขนาดตัวเครื่อง : 165.4 x 76.9 x 8.4 มิลลิเมตร
น้ำหนัก : 197 กรัม
สีตัวเครื่อง : ซิลเวอร์ ไบร์ท (Silve Bright)
งานออกแบบ
สำหรับตัว Samsung Galaxy A23 5G ที่ได้มารีวิวนี้ ก็พร้อมสีตัวเครื่องสุดงามอย่าง ซิลเวอร์ ไบร์ท (Silve Bright) สะท้อนแสงอย่างเงางาม ช่วยความสวยให้กับตัวเครื่องได้พอควร ด้านงานออกแบบก็คงบอกได้ว่า ‘ไม่หวือหวา’ มาก แต่ก็ยังแฝงความหรูหราอยู่บ้าง วัสดุเป็นพลาสติกผิวด้าน ทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 197 กรัมเท่านั้น เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนจอ 6.6 นิ้วหลาย ๆ รุ่น
ตัวเครื่องบาง 8.4 มิลลิเมตร และหนัก 197 กรัม
พอร์ต USC-C 2.0 พร้อมช่องเสียงหูฟัง
สัมผัสการใช้งาน
ลองมาค้นหาฟีเจอร์เด่น ๆ ของตัว Samsung Galaxy A23 5G ดูกันว่าตัวเครื่องจะมีฟีเจอร์ที่ดีคุ้มหรือเกินราคามากน้อยแค่ไหน
ประเดิมด้วยหน้าจอ Infinity-V ขนาด 6.6 นิ้ว ที่มาพร้อมความละเอียด FHD+ (2408 x 1080) แม้จะะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นระดับกลาง แต่หน้าจอก็ยอมรับเลยว่า สวยเกินคาด ให้ภาพคัดชัดได้พอควร แต่ก็แอบไม่สู้แสงอยู่นิดหน่อย
ด้านรีเฟรชเรทที่รองรับถึง 120Hz นั้น จุดนี้ก็พบว่าเป็นการรองรับแบบสุดสุดที่ 120Hz ไม่ได้เป็น 120Hz แบบตลอดเวลา คือตัวเครื่องมันจะเลือกให้เองเลยว่า ตอนไหนที่จะปรับหน้าจอเป็น 120Hz ให้ ซึ่งก็ช่วยประหยัดแบตฯ ได้เป็นอย่างดีเลย
ส่วนตัวชอบฟีเจอร์ Eye comfort shield ซึ่งช่วยตัดแสงฟ้าของหน้าจอได้ดี และไม่ดูแปลกตาเลย คือไม่อมเหลืองจนเกินไป เหมือนที่เจอในสมาร์ทโฟนหลาย ๆ รุ่น
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ชอบก็มี Device care ที่ชอบจัดการปรับแต่งสถานะตัวเครื่องให้สมบูรณ์ขึ้นทุุกครั้ง (ที่เข้ามากด) ช่วยล้างแคซ ปรับแต่งการใช้งานแบตฯ และอื่น ๆ ได้ ……โดยที่ไม่มีโฆษณาด้วย
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ แบตฯ ที่มีความจุถึง 5000 mAh ซึ่งสามารถใช้งานได้นานถึง 2 วัน และอีกครึ่งวัน เป็น 2 วันครึ่ง หากใช้โหมดประหยัดแบตฯ
ระบบปฏิบัติการ Android ที่อัปเดตเป็นรุ่น 13 พร้อมกับ One UI 5.0 ตัวล่าสุด (ณ ตอนที่เขียนรีวิว)
ประสิทธิภาพ
หากจะทดสอบประสิทธิภาพได้เห็นผลชัด ๆ ก็ต้องเทสการเล่นเกม และต้องเป็นเกมที่กินสเปกหนัก ๆ ซึ่งคงไม่พ้น Genshin Impact เจ้าเก่าเจ้าเดิม
ผลคือเล่นได้ไหลลื่นระดับหนึ่งเลย แม้ปรับภาพกราฟิกในระดับกลาง (ถ้าปรับ Low จะลื่นกว่านี้)
ทั้งนี้ตัวเครื่องก็ยังมาพร้อม Game Booster ที่ช่วยให้ปรับแต่งการเล่นเกมให้ดีขึ้น ตัดการรบกวน บอกสถานะตัวเครื่องที่ควรรู้ขณะเล่น และยังมีฟีเจอร์อัดหน้าจอ ที่เปิดให้ใช้งานได้ฟรี ๆ ด้วย
กล้องหลัก
มาถีงส่วนที่เรียกได้ว่าเป็นของเด็ดจาก Samsung Galaxy A23 5G นี้แล้ว ตัวเครื่องก็มาพร้อมกล้องหลังถึง 4 ตัว ประกอบไปด้วย กล้องหลัก Wide 50MP [F/1.8] กันสั่น OIS ให้ด้วย กับเลนส์ Ultra-Wide 5MP [F/2.2] เลนส์ Macro 2MP [F/2.4] และสุดท้ายเลนส์ depth 2MP [F/2.4]
สำหรับเงื่อนไขในการทดสอบครั้งนี้คือ ใช้ความละเอียด 50MP สูงสุดจากกล้องหลักโดยเฉพาะ ลองดูไปเลยว่า Samsung Galaxy A23 5G จะเก็บภาพได้ดีแต่ไหน และเน้นการถ่ายภาพกลางคืน
ประเดิมที่ภาพชุดแรก เป็นภาพตอนกลางคืน ซึ่งถ่ายด้วยกล้อง 50MP ในสัดส่วน 4:3 แบบไม่ปรับอะไรทั้งนั้น เปิดกล้องยกขึ้นถ่ายทันที ผลคือ Noise ชัดเจน แต่ก็ยังเก็บภาพได้สวยอยู่
ถัดมาคือชุดภาพในกลางวันบ้าง จุดนี้ก็เห็นเลยว่า หากมีแสงเพียง ความคมชัดก็มาเต็ม
ลองถ่ายภาพระยะไกลดูบ้าง ในความละเอียด 50MP เช่นเคย
รวมภาพถ่ายทั้งหมด
ภาพโดย Samsung Galaxy A23 5G ในโหมด Auto ทั้งหมด
ลองทดสอบกล้องวิดีโอ Full HD จาก Samsung Galaxy A23 5G