มันยังแรงได้อีกหรือ !? ตอนรีวิว ROG Phone 6 รุ่นก่อนหน้า ก็กะว่าจะยกให้เป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งแห่งปีแล้ว ทว่าไม่นาน ASUS ก็ออก ROG Phone รุ่นใหม่อีกตัว ตำแหน่งสมาร์ทโฟนเกมมิ่งแห่งปีจึงย้ายมาที่ ASUS ROG Phone 6D แทน
รีวิวนี้พบกับ ASUS ROG Phone 6D ปลดล็อคความแรงไปอีกขั้นด้วย Dimensity 9000+ ชิปเซ็ตระดับเรือธงใหม่ล่าสุดจาก MediaTek ลบทุกคำสบประมาท เพราะนี่คือชิปที่สามารถดันให้ ASUS ROG Phone 6D กลายเป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนเกมมิ่งแห่งปีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนตัวเครื่องจะแรงขนาดไหน สมกับตำแหน่งนี้แค่ไหน ลองมาดูกันเลย
รายละเอียดสเปก ASUS ROG Phone 6D
หน้าจอ : Samsung AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2448 x 1080) , สัดส่วน 20.4:9 , รองรับ Refresh Rate 165 Hz , รองรับ HDR10+ ความแม่นยำของสี ระดับ 111.23% DCI-P3, 106.87% NTSC, 150.89% sRGB และมีค่า Delta-E < 1 ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 9000+
ชิปกราฟฟิก : Mali-G710
แรม : 12GB LPDDR5X
รอม : 256GB แบบ UFS 3.1
กล้องหลัง : [50 MP + 13 MP + 5MP] แบ่งเป็นเลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ IMX766 จาก Sony ในขนาด 1/1.56” พร้อมรูรับแสง F1.9 เลนส์ Ultrawide 13 ล้านพิกเซล F2.2 และเลนส์ Macro 5 ล้านพิกเซล
กล้องหน้า : 12 ล้านพิกเซล
พอร์ตเชื่อมต่อ : USB-C และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
เชื่อมต่อไร้สาย : WiFi 6E (2×2 MIMO) + Bluetooth 5.3 รองรับ aptX HD
แบตฯ : Li-Ion 6,000 mAh รองรับ PD Charging 3.0
ขนาดตัวเครื่อง : 173 x 77x 10.4 มม.
น้ำหนัก : 239 กรัม
ระบบปฏิบัติการ : Android 12 ครอบทับด้วย ROG UI
แกะกล่อง
ตัวกล่องยังคงทรงเดิมเหมือน ASUS ROG Phone 6 รุ่นก่อนหน้า และรีวิวครั้งนี้ก็ได้ตัว AeroActive Cooler 6 มาใช้งานควบคู่เช่นเดียวกัน ด้านอุปกรณ์ภายในของ ROG Phone 6D ก็มีตัวเคส (Aero Case ROG) กับสาย USB-C to USB-C x 1 , ชุดจ่ายไฟ 65W , ที่แกะซิม ชุดคู่มือ และ ROG AR Card
AeroActive Cooler 6
งานออกแบบ
ดีไซน์ครั้งนี้ ให้ความรู้สึกว่าดู ‘ทนทาน’ มากขึ้น ด้วยวัสดุตัวเครื่องที่มาเป็นอลูมิเนียมทั้งตัวเลย จากเดิมรุ่นก่อนจะมีพลาสติดผสมบ้าง ส่วนตัว ‘โลโก้’ หรือ ROG Fearless Eys dot-matrix ก็ยังเป็นตัวดึงดูดสายตาเหมือนเคย แน่นอนว่าเป็นจุดเด่นเฉพาะตัวของ ASUS ROG Phone 6D หรือ ROG Phone ทุกรุ่นกันเลย ด้านขนาดตัวเครื่อง ก็อยู่ที่ 173 x 77x 10.4 มม. กับน้ำหนัก 239 กรัม ถือว่ามีขนาดใหม่อยู่พอควร และน้ำหนักเช่นกัน
พอร์ตเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต USB-C สองตำแหน่ง ใต้เครื่องกับด้านข้าง
หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2448 x 1080) กับสเปกที่รองรับทั้ง Refresh Rate 165 Hz กับ HDR10+ ความแม่นยำของสี ระดับ 111.23% DCI-P3, 106.87% NTSC ยังคงเป็นจอเกมมิ่งโฟนที่สเปกเทพเช่นเคย
เกมมิ่งโฟน
เพื่อเพิ่มความเป็นเกมมิ่ง ตัวเครื่องก็มาพร้อม ROG Fearless Eys dot-matrix ที่มีลักษณะไฟ LED ส่องสว่างเป็นจุดหรือ dot-matrix ด้านหลังอย่างเด่น แน่นอนว่าสามารถปรับแต่งแสงสีเพิ่มเติมได้
แต่ถ้าหากเป็นรุ่น Phone 6D Ultimate จะมาเป็นจอ ROG Vision ที่ปรับตัวลักษณะโลโก้ที่แสดงได้เลย แต่ตัว Eys dot-matrix นี้ก็หล่อพอตัวแล้ว
ตัวอย่างเอฟเฟคของ ROG Fearless Eys dot-matrix
ยังยืนยันคำเดิมว่า AirTriggers คือฟีเจอร์เกมมิ่งที่ชอบที่สุดในหมู่ ROG Phone ทุกรุ่น แน่นอนว่าตัว ROG Phone 6D ก็มีมาด้วย และใช้งานได้ดีเหมือนเคย
นอกจากตัว AirTriggers ก็ยังมีโหมดควบคุมตัวอื่น ๆ ที่น่าสนใจพอ ๆ กัน แล้วแต่จะเลือกเลยว่า เราถนัดใช้งานแบบไหน หรือเกมไหนเหมาะกับฟีเจอร์ไหนตามใจเรา
X Mode หรือฟีเจอร์เพิ่มประสิทธิภาพตัวเครื่อง ด้วยการ Overclock ตัวชิปประมวลผล โหมดนี้ก็ยังสามารถเปิดใช้งานได้ง่าย ๆ เหมือนเคย เพียงแค่กดเปิดปิดสลับไปมาเท่านั้น ไม่ต้องไล่ปรับค่าอะไรต่าง ๆ ให้วุ่นวาน ข้อดีของการเปิด X Mode เลยคือ ทำให้ตัวเครื่องแรงขึ้น เล่นเกมได้ลื่นไหลขึ้น แต่ก็แลกกับแบตฯ ที่จะหมดไวขึ้น และตัวเครื่องร้อนขึ้นแทน ซึ่งปกติหากต้องการใช้งานโหมดนี้ได้คุ้มค่าสุด ก็ควรใช้งานร่วมกับตัว AeroActive Cooler 6 น่าดูว่าชิป Dimensity 9000+ จะทำได้ดีขนาดไหน เดี๋ยวมาดูกัน
ประสิทธิภาพเกมมิ่ง
หากเทียบสเปกระหว่างตัว ASUS ROG Phone 6D กับ ASUS ROG Phone 6 ที่เคยรีวิวไป จุดแตกต่างจริง ๆ ก็มีเพียงชิปที่ใช้งานไม่เหมือนกันเท่านั้นอย่าง Snapdragon 8+ Gen 1 และ MediaTek Dimensity 9000+ ในรุ่นที่รีวิวนี้เอง นอกนั้นแทบไม่ต่างกันเลย ลองมาดูกันว่าตัวชิป Dimensity 9000+ ที่มาอยู่ในสมาร์ทโฟน ROG Phone Series ครั้งแรก จะเป็นอย่างไร
ทดสอบด้วย Genshin Impact เกมกินสเปกเจ้าเก่าเจ้าเดิม ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล แบบลื่นไหลจริง ๆ ดูลื่นไหลกว่าเดิมด้วย นับว่าตัวชิป Dimensity 9000+ ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว
ต่อไปลองใส่ AeroActive Cooler 6 เคสพัดลม “ที่เป็นมากกว่าพัดลม” ตัวเดิม
หลังใส่ ก็ทำให้ตัวเครื่อง ASUS ROG Phone 6D สำแดงประสิทธิภาพได้มากกว่าเดิมอย่างเห็นได้
พร้อม ๆ กับตัวอุณหภูมิที่ควบคุมได้ดีด้วย
กล้องหลัง
ตัวกล้องหลังก็สเปกเดิมเลยคือ [50 MP + 13 MP + 5MP] แบ่งเป็นเลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ IMX766 จาก Sony ในขนาด 1/1.56” พร้อมรูรับแสง F1.9 เลนส์ Ultrawide 13 ล้านพิกเซล F2.2 และเลนส์ Macro 5 ล้านพิกเซล
หน้าตา UI ตัวกล้องของ ASUS ROG Phone 6D
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
สรุป
ปลดล็อคความแรงอย่างแท้จริง ASUS ROG Phone 6D คือภาคต่อ (ที่มาแบบสายฟ้าแลบ) ที่มาพร้อมความแรงแบบเน้น ๆ พร้อมกับดีไซน์เกมมิ่งที่จัดเกมยิ่งกว่าเดิม ที่ผ่านมาเราจะเห็นเลยว่า ROG Phone Series มักจะมาพร้อม ‘ชิปมังกรแดง’ เสมอ แต่นี้กลับเป็นครั้งแรกที่ใช้ชิปจาก MediaTek อย่าง Dimensity 9000+ ซึ่งสามารถให้ประสิทธิภาพได้ดีเกินคาด และด้วยระบบระบายความร้อน ‘ขั้นเทพ’ จาก ASUS ก็ยิ่งช่วยขับความแรงได้เต็มที่ และใช้ได้นาน
นอกจากชิปประมวลผลแล้ว ด้านสเปกอื่น ๆ ก็จัดเต็มสมฐานะแล้วอย่าง หน้าจอAMOLED ขนาด 6.78″ พร้อมรองรับ 165 Hz กับ HDR 10+ แรม LPDDR5X ขนาด 16 GB รอมขนาด 512 GB แบตฯ ขนาด 6000 mAh และฟีเจอร์ระบายความร้อน GameCool 6 สุดล้ำหน้า
ด้านข้อสังเกต ก็ยังคงมีส่วนกล้องเหมือนเคย ซึ่งแม้จะถ่ายได้ดีและสวยพอแล้ว แต่ก็ยังขาด ‘ฟีเจอร์’ เฉพาะ เมื่อเทียบสมาร์ทโฟนระดับเรือธงหลาย ๆ รุ่น อีกส่วนก็รอมขนาดเพียง 256 GB ในรุ่นเริ่มต้น ให้ดียุคนี้คิดว่ารอมขนาด 512GB ถึงจะพอ
ท้ายนี้ตัว ASUS ROG Phone 6D เปิดราคาอยู่ที่ 28,990 บาท (12GB/256GB) อนึ่งตัวเครื่องยังมีรุ่น Top ได้อีกอย่าง ASUS ROG Phone 6D Ultimate ที่จัดเต็มทั้งดีไซน์ ฟีเจอร์ และสเปกขึ้นมาอีกระดับ ก็มีราคาอยู่ที่ 42,990 บาท หากใครสนใจรุ่นไหน สามารถไปดูได้ที่
- ROG Phone 6D: https://th.rog.gg/iedxTU
- ROG Phone 6D Ultimate: https://th.rog.gg/7XIwAh