ฟีเจอร์เด่น
- 4MP High Definition คุณภาพคมชัด
- ภาพสี 24 ชั่วโมง แม้ในที่มืดสนิท
- กล้อง Pan/Tilt หมุนซ้าย/ขวา ขึ้น/ลง ได้
- Ai Smart ระบบตรวจจับแยกบุคคล หรือสัตว์ แก้เป็น AI Smart Detection การตรวจจับอัจฉริยะ (การตรวจจับของมนุษย์ การตรวจจับการเคลื่อนไหว การบุกรุกพื้นที่ การข้ามเส้น ตรวจจับการบดบังภาพจากกล้อง)
- Two-Way Audio มีลำโพง และไมค์ในตัวกล้อง สามารถพูดสื่อสาร โต้ตอบระหว่างปลายทางได้
- ติดต้้งง่าย ด้วย VIGI App ผ่านสมาร์ทโฟน ดูแลและจัดการได้ทุกที่ทุกเวลา
ประโยชน์ของกล้องวงจรปิด CCTV นอกจากจะช่วยป้องกันภัยได้ดีแล้ว ยังสามารถใช้เป็นหลักฐานหรือเบาะแสที่สำคัญในภายหลังได้ด้วย ฉะนั้นคงไม่ดีแน่หากกล้องวงจรปิดมีความคมชัดไม่พอ หรือใช้งานยากจนเกินไป รีวิวนี้จะมาตอบโจทย์ในสองเรื่องนี้กันครับ
พบกับ TP-Link VIGI C540 และ VIGI C540-W กล้องวงจรปิดระบบ IP Digital CCTV ที่มาพร้อมทั้งคุณภาพ ระดับ 2K I 4 ล้านพิกเซล และบันทึกได้ต่อเนื่อง (24/7) และติดตั้งง่ายใช้งานง่ายด้วย ปกติกล้องวงจรปิดแบบ IP มักจะเป็นกล้องขนาดเล็ก ๆ ไม่ได้มีความคมชัดหรือฟีเจอร์อะไรมาก แต่สำหรับตัว VIGI C540 Series ทั้งสองตัวนี้ จะมาพร้อมประสิทธิภาพ เทียบชั้นกับกล้องวงจรปิดระดับที่ใช้ในองค์กรได้เลย ซึ่งจะใช้ได้ขนาดไหนนั้นลองมาดูกัน
รายละเอียดสเปก VIGI C540
- ความละเอียดของภาพ 4MP High Definition คุณภาพคมชัด
- ภาพสี 24 ชั่วโมง เก็บทุกรายละเอียดสีของภาพ แม้ในที่มืดสนิท
- หมุนซ้าย-ขวา ปรับขึ้น-ลง Pan Tilt กำหนดพื้นที่ตรวจจับและการติดตามอัตโนมัติ ด้วย Ai
มาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่น IP66 - Smart Detection การตรวจจับอัจฉริยะ รับการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชั่นและ NVR
- H.265+ การบันทึกไฟล์วิดีโอด้วยคุณภาพที่คมชัด โดยไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บข้อมูล
- PoE/12V DC รองรับการจ่ายไฟผ่าน PoE และ DC Adapter
- VIGI App ตั้งค่าและจัดการ ดูแลความปลอดภัยจากสมาร์ทโฟนของคุณ ได้ทุกที่ ทุกเวลา
รายละเอียดสเปก VIGI C540-W
- ความละเอียดของภาพ 4MP High Definition คุณภาพคมชัด
- ภาพสี 24 ชั่วโมง เก็บทุกรายละเอียดสีของภาพ แม้ในที่มืดสนิท
- หมุนซ้าย-ขวา ปรับขึ้น-ลง Pan Tilt กำหนดพื้นที่ตรวจจับและการติดตามอัตโนมัติ ด้วย Ai
- การเชื่อมต่อแบบไร้สาย : สามารถใช้งานสัญญาณ Wi-Fi ในการเชื่อมต่อและติดตั้งเพื่อความสะดวก ง่ายและรวดเร็ว
- มาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่น IP66 ที่เชื่อถือได้
- Smart Detection การตรวจจับอัจฉริยะ
- รับการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชั่นได้
- ตรวจสอบได้เมื่อมีคนข้ามเขต เข้าสู่พื้นที่ที่คุณกำหนดไว้ หรือการกีดขวางหน้ากล้อง
- H.265+ การบันทึกไฟล์วิดีโอด้วยคุณภาพที่คมชัด โดยไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บข้อมูล
- VIGI App ตั้งค่าและจัดการ ดูแลความปลอดภัยจากสมาร์ทโฟนของคุณ ได้ทุกที่ด้วยแอป VIGI
แกะกล่อง
นอกจากตัว TP-Link VIGI C540 และ VIGI C540-W ที่เป็นพระเอกของรีวิวนี้แล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จะมาใช้งานร่วมกัน ประกอบเป็นชุดกล้องวงจรปิดระบบ IP Digital CCTV ให้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์
เริ่มจากตัว NVR รุ่น VIGI NVR1008H – VIGI 8 Channel Network Video Recorder หรือเครื่องบันทึกวีดิโอวงจรปิดผ่านระบบเครือข่าย บันทึกจัดเก็บข้อมูลภาพวีดิโอลงในแหล่งเก็บข้อมูล โดย NVR นี้ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสาร ระหว่างกล้องวงจรปิด VIGI C540 Series กับผู้ใช้งานได้อีกด้วย โดยมีฟีเจอร์สำคัญเลยอย่าง ‘รองรับการบันทึกข้อมูลตลอดเวลา 24/7’ กับ ‘รองรับการแจ้งเตือนและการตั้งค่าการตรวจจับต่างๆ’ และ ‘รองรับการใช้งานร่วมกันกับแอปฯ VIGI’
ถัดมาคือตัว TL-SF1006P V3 หรือ 6-Port 10/100Mbps Desktop Switch with 4-Port PoE+ อุปกรณ์ที่ช่วย ‘กระจายการเชื่อมต่อ’ ของตัว VIGI C540 Series และ VIGI NVR1008H นี้เอง
และสุดท้ายตัวกล้อง VIGI C540 Series ทั้ง VIGI C540 และ VIGI C540-W
งานออกแบบ
หน้าตาของตัว VIGI C540 และ VIGI C540-W ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเป็นกล้องวงจรปิดแบบติดผนังหรือแขวน ซึ่งจะช่วยทำให้ได้มุมภาพแบบ Powerful Pan Tilt ครอบคลุมทุกมุมมองทั้งหมุนซ้าย – ขวา กับ บน-ล่าง นั้นเอง ดีไซน์จัดว่าเรียบ ๆ แต่จะให้ฉูดฉาดก็ใช่เรื่อง เพราะอย่างไรนี่ก็คืออุปกรณ์สำหรับป้องกันภัยนั้นเอง และเพื่อให้ป้องกันภัยหรือสอดส่องได้ตลอด 24/7 นั้น ตัวกล้องทั้งสองตัวก็มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP66 ช่วยให้ใช้งานกลางแจ้งได้เป็นเวลานาน ๆ และไม่พังโดยง่าย
สำหรับตัว VIGI C540 W จะมีความพิเศษต่างจากตัว VIGI C540 อยู่หน่อยตรงที่รุ่น W จะมาพร้อมเสาอากาศแบบ MIMO ขนาด 2×2 ที่ช่วยให้ตัวกล้อง (กับมีชุดจ่ายไฟ AC ให้ในกล่อง) สามารถเชื่อมต่อข้อมูลหรือส่งภาพแบบไร้สายได้เลย (แต่ต้องเสียบปลั๊กไฟอยู่นะ) แต่ถ้าอยากได้ความเสถียร ก็แนะนำให้เสียบสาย LAN ดีกว่า
นอกจากเสาสัญญาณแล้ว ที่เหลือตัว VIGI C540 และ VIGI C540-W ก็มีสเปกเหมือนกันทุกประการ โดยทั้งสองก็มาพร้อมกล้องความละเอียด 4MP High Definition เหมือนกัน และให้การบันทึกภาพที่มีสีสันด้วยเลนส์รูรับแสงขนาดใหญ่ เซ็นเซอร์ความไวสูง พร้อม LED ไฟเสริมที่แนบมา (ซึ่งจะเป็นพระเอกสำคัญของการจับภาพตอนกลางคืนนี้เอง)
เทียบขนาดตัวกล้อง และสายเชื่อมต่อ ทั้งสองจะมาพร้อมรูเสียบทั้งสาย LAN และสายต่อไฟเลี้ยงจาก AC ด้วย อนึ่งตัว VIGI C540 จะรองรับการต่อไฟเลี้ยงผ่าน PoE จากสาย LAN ด้วย ทำให้ลากเฉพาะสาย LAN เส้นเดียวเพื่อเชื่อมต่อได้ ส่วนตัว VIGI C540W ที่มีเสานั้น ไม่รองรับนะเออ
การใช้งาน
เหมือนกับตอน รีวิว TP-Link VIGI ชุดก่อน ในชุดนี้ก็ยังคงคำเดิมเลยคือ ‘สาย LAN’ คือหัวใจหลัก ซึ่งต้องเตรียมไว้สำหรับการติดตั้งในบ้านเลย คือหากบ้านใครมีพื้นที่กว้าง สาย LAN ก็ต้องมีความยาวพอ และต้องวางแผนการเดินสาย LAN อยู่ซักหน่อย
เริ่มจากตัว VIGI C540 เนื่องด้วยตัวกล้องรองรับการต่อไฟเลี้ยงผ่าน PoE จากสาย LAN ได้ ก็ขอลากตัวกล้องมายาว ๆ เอามาวางไว้หน้าบ้านเลย โดยผ่านสาย LAN เส้นเดียว ที่มีความยาวเป็นพิเศษ
ส่วนตัว VIGI C540W เนื่องจากไม่รองรับ PoE ก็เอามาแขวนในห้อง ที่มีชุดระบบ NVR วางอยู่ใกล้ ๆ แล้วเชื่อมต่อทั้งสาย LAN และสายไฟเลี้ยงแบบ AC
ส่วนตัวชุดระบบ NVR ก็จัดการเชื่อมต่อกล้อง ผ่าน Switch อย่าง TL-SF1006P โดยแบ่งสีช่องที่รองรับ PoE ไปให้สำหรับกล้องสองตัว ที่เหลือก็ต่อสาย LAN เข้ากับเราเตอร์ Wi-Fi ในบ้าน อีกสายก็ต่อเข้ากับตัวกล่อง VIGI NVR1008H และตัวกล่อง NVR1008H นี้ ก็จัดการต่อสาย HDMI ออกจอ Monitor และเสียบตัวเมาส์สำหรับใช้ควบคุม ซึ่งต้องบอกเลยว่าตัว NVR1008H จะกลายเป็นเหมือนเครื่อง PC สำหรับระบบ IP Digital CCTV กันเลย
จริง ๆ ก่อนเดินสาย LAN นั้น อับดับแรกอยากให้ทำการติดตั้ง HDD ลงในตัว VIGI NVR1008H ก่อนดีกว่า โดยตัวเครื่องก็สามารถยัด HDD ได้หนึ่งลูก และ HDD ที่จะนำมาใส่นั้น ต้องใช้ HDD สำหรับกล้องวงจรปิดโดยเฉพาะ ห้ามใช้ HDD ทั่วไปเด็ดขาด ไม่งั้นพังได้เลย เนื่องจากตัว VIGI NVR1008H จะมีการบันทึกไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงลง HDD ตลอดเวลา 24/7 ตัว HDD ทั่วไปไม่เหมาะกับงานนี้แน่นอน
หลังเสร็จกระบวนการทั้งหมด ก็ทำการเปิดตัวระบบ NVR พร้อมตั้งค่าด่วนหรือตั้งค่าการใช้งานเริ่มต้นให้ครบ เท่านี้เราก็ได้ชุดควบคุมตัวกล้องวงจรปิดระบบ IP Digital CCTV นี้แล้ว
หน้าตั้งค่าของตัว VIGI NVR1008H
หลังติดตั้งตัวกล้อง VIGI C540 และ VIGI C540-W แล้ว ก็จะมีหน้าตั้งค่าตัวกล้องปรากฎในระบบ NVR ตามภาพ ซึ่งเราสามารถเลือกตั้งค่าตัว ‘ฟีเจอร์’ เด่นของตัวกล้องได้เลยตามนี้
ตั้งค่าการแสดงผลภาพวิดีโอ
ตั้งค่าการควบคุม Pan Tilt ของตัวกล้อง ซึ่งในตัว VIGI C540 และ VIGI C540-W ก็สามารถปรับมุมได้หลากหลายมาก ทั้งหมุนซ้าย-ขวา และบน-ล่าง ทั้งนี้ยังสามารถตั้งให้ ‘ติดตามอัตโนมัติ’ หรือกำหนด เส้นทางลาดตระเวนที่ตั้งค่าเองก็ได้
ตั้งค่า Smart Detection รับการแจ้งเตือนและตรวจสอบฟีดเมื่อมีคนข้ามเขต เข้าไปในพื้นที่ที่เรากำหนดไว้ กับ Active Defense ตั้งให้มีการแจ้งเตือนด้วยเสียงและแสง หากตัวกล้องพบผู้บุกรุกหรือตรวจพบเหตุการณ์ผิดปกติ ที่อาจเกิดขึ้นทันทีด้วยเสียงและแสงจากตัวกล้อง
อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญคือ การตั้งต่าตัวกล้องผ่านแอปฯ VIGI ซึ่งจะทำให้เราสามารถควบคุมตัวกล้องผ่านสมาร์ทโฟน ได้จากทุกที่ทุกเวลานั้น
หน้าตาตัวแอปฯ VIGI หลังผูกบัญชีของ TP-link และตัวกล้องแล้ว
จากที่ได้ลองใช้การควบคุมผ่านแอปฯ บอกเลยว่า ใครที่ไม่ได้ติดจะใช้งานตัวกล้อง VIGI C540 และ VIGI C540-W แบบจริงจังอะไรมาก ขอแค่บันทึกภาพได้ ดูย้อนหลังได้ ดึงไฟล์ภาพได้ และควบคุมมุมกล้องได้ ใช้งานผ่านแอปฯ อย่างเดียวก็พอแล้ว เพราะในแอปฯ ก็มีการนำฟีเจอร์พื้นฐานของตัวกล้องมาไว้ให้พร้อมแล้ว และยังมีหน้าตา UI ที่ดูสบายตากว่าในระบบ NVR มาก ๆ
มีฟีเจอร์ Smart Detection กับ Active Defense ให้ตั้งค่าจากในนี้ด้วย
ควบคุมระบบเสียงไมค์ของตัวกล้อง หรือตั้งค่าระบบ ‘มองกลางคืน’ จากในนี้ก็ได้เช่นกัน
ประสิทธิภาพ
“ความละเอียดของภาพ 4MP High Definition คุณภาพคมชัด ภาพสี 24 ชั่วโมง เก็บทุกรายละเอียดสีของภาพ แม้ในที่มืดสนิท” คำเปรยจากทาง TP-Link ที่กล่าวถึงประสิทธิภาพในการบันทึกภาพวิดีโอของตัวกล้อง บอกเลยว่า “ของจริง” ภาพที่ออกมาคือสวยสด คมชัดมาก ๆ ต่างจากกล้อง IP ทั่ว ๆ ไปพอควร
ถามว่าชัดแค่ไหร ก็ลองดูภาพจากไฟล์ที่ดึงมาจากตัวกล้องเลย
ตัดมาที่ภาพจากกล้องอีกตัวอย่าง VIGI C540-W ก็ได้ภาพที่แลดูสวยขึ้นกว่าปกติ
ตัวอย่างภาพจากกล้องอินฟราเรดในที่มืด
และตัวอย่างภาพสีจากที่มืด ที่ตัวกล้องใช้แสงไฟ LED ในการช่วยนั้นเอง
แต่หากเป็นตอนกลางคืน ทว่ายังพอมีแสงฟ้าอยู่บ้าง ก็ยังสามารถได้ภาพสีแบบไม่ต้องเปิดไฟ LED หรือโหมดอินฟราเรดได้ตามนี้เลย
ตัวกล้องในบรรยากาศกลางคืน
ตัวอย่างวิดีโอจากตัวกล้อง VIGI C540 (ในความละเอียด 2K)
ภาพวิดีโอในช่วงกลางวัน
ภาพวิดีโอในช่วงกลางคืน