ปกติ ‘แท็บเล็ต PC’ อย่างมาก การใช้งานก็มีเพียงเช็คเมล์ เล่นเว็บ ดูวิดีโอ หรือใช้งานทั่ว ๆ ไป เนื่องจากข้อจำกัดของสเปก ที่ไม่สามารถยัดอะไรมาได้มาก แต่หลังการมาของ ASUS ROG Flow Z13 มุมมองเดิมที่มีต่อแท็บเล็ต PC ต้องเปลี่ยนไปทันใด
รีวิวนี้พบกับ ASUS ROG Flow Z13 แท็บเล็ต PC เกมมิ่ง ช้งานแบบเน้นประสิทธิภาพได้ทั้ง เล่นเกม ตัดต่อวิดีโอ และงานกราฟฟิก แหกกฏแท็บเล็ต PC เดิมๆ ไปไกล โดยภายในมีทั้ง Intel Core i7-12700H กับการ์ดจอ RTX 3050 สองขุมพลังเกมมิ่ง ที่ถูกยัดเข้ามาในแท็บเล็ต PC ร่างบาง ๆ แต่ประสิทธิภาพทะลุความบางไปแล้ว ส่วนตัวเครื่องจะใช้งานทรงประสิทธิภาพแค่ไหน ลองมาดูกันเลย
รายละเอียดสเปก ASUS ROG Flow Z13
- Display : หน้าจอสัมผัส 13.4 นิ้ว ความละเอียด WUXGA (1920 x 1200) สัดส่วน 16:10 มี sRGB:100% และรองรับ Refresh Rate 120Hz , 3 ms ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- CPU : Intel Core i7-12700H
- VGA : NVIDIA GeForce RTX 3050
- RAM : 16GB LPDDR5
- SSD : 512 GB M.2 2230 NVMe PCIe 4.0 SSD
- Wireless : Wi-Fi 6E , Bluetooth 5.2
- Port : Thunderbolt 4 (รองรับ DisplayPort 1.4 / Power Delivery) x 1 , USB 2.0 Type-A x 1 , microSD Card x 1 , 3.5mm Combo Audio Jack x 1 และ ROG XG Mobile Interface สำหรับต่อการ์ดจอแยก
- Weight : 1.18 Kg
- Battery : 56WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion
- OS : Windows 11 Home
แกะกล่อง
หล่อตั้งแต่กล่องมาเลย ภายในก็มีตัวเครื่อง ASUS ROG Flow Z13 , ชุดไฟเลี้ยง 100W , ปากกา ASUS Pen และกระเป๋า ROG Flow Sleeve หล่อๆ ให้หนึ่งใบ
วัสดุและงานออกแบบ
“แรงบันดาลใจมาจากยุคเทคโนโลยีอวกาศในศตวรรษที่ 20”
ชัดเลยว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคเทคโนโลยีอวกาศศตวรรษที่ 20 จริง ๆ ซึ่งทาง ASUS ได้กล่าวไว้ตอนที่เปิดตัว ROG Flow Z13 ตัวนี้ ดีไซน์คือสวยล้ำเกินหน้าเหล่าแท็บเล็ต PC ไปไกล โดยมีชื่อเรียกหล่อ ๆ ว่า Retro-futurism design ด้านวัสดุก็เด่นไม่แพ้กัน ทาง ASUS บอกเลยว่ามีการชิ้นงานโลหะโดยผ่านกระบวนการมิลลิ่ง ประกอบเข้ากับโครงเครื่องอะลูมินัมความหนาแน่นสูง ทำให้ตัวเครื่องมีความทนทานเป็นพิเศษด้วย ทั้งยังผ่านกระบวนการทดสอบชิ้นงานกว่า 39 ขั้นตอน ถูกตัดด้วยเครื่อง CNC กว่า 10 ครั้ง เคลือบอะโนไดซ์ถึงสองชั้น อัลลอยเกรด 6063 ยิ่งทำให้เหมือนงานประกอบยานอวกาศในสมัยศตวรรษที่ 20
“ชวนนึกถึงความล้ำยุคของบรรยากาศในยุครุ่งเรืองของกิจการอวกาศ”
สำหรับขนาดตัวเครื่อง ด้วยความที่เป็นแท็บเล็ต PC ก็ย่อมมีความบางที่มากกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไป และสำหรับตัว ASUS ROG Flow Z13 ก็มาพร้อมความบางที่ 1.20 เซนติเมตร และหนัก 1.18 กิโลกรัม ถือว่าบางเบา แต่ก็แอบหนากว่าแท็บเล็ตทั่ว ๆ ไปอยู่บ้าง
ด้านหลังตัวเครื่องมาพร้อมขาตั้งแบบ kick stand ที่สามารถกางออกได้กว้างที่สุดถึง 170 องศา เพื่อให้การใช้งานทำได้สะดวกที่สุดสำหรับทุกสถานการณ์
การใช้งาน
ในส่วนการใช้งานนั้น เอาจริง ๆ หากพกใช้งานข้างนอก แบบไม่เสียบแบตฯ ยังไงก็ควรใช้งานแบบทั่ว ๆ ไปดีกว่า ให้จัดเต็มอย่างงานตัดต่อหรือเกมมื่ง คงใช้งานได้ไม่นานแน่ เพราะตัวเครื่องใช้ซีพียูระดับ Intel Core i7-12700H ยังไงก็ซดแบตฯ (แต่จะซดแค่ไหน เดี๋ยวดูได้ในส่วนหัวข้อทดสอบประสิทธิภาพ) ส่วนการใช้งานจะเป็นยังไง ลองมาดูกัน
ประเดิมด้วยหน้าจอขนาด 13.4 นิ้วของตัวเครื่อง บอกเลยว่า ‘ดีงาม’ ด้วยความละเอียด WUXGA (1920 x 1200) รองรับ 120Hz กับ 3ms และมีช่วงสีกว้างระดับ 100% sRGB พร้อมมาตรฐาน Pantone Validated ทำให้สีสันของจอถ่ายทอดออกมาได้คมชัดสีสันสดใสและลื่นไหลมาก ๆ ทั้งยังมีกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทำให้หายห่วงเรื่องรอยขีดข่วนได้ดี…ทว่าก็ยังแอบเป็นรอยนิ้วมือง่ายอยู่นะ
ทั้งนี้ตัวเครื่องมาพร้อมปากกา ASUS Pen SA201H ด้วย ซึ่งสามารถรองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ ช่วยให้ใช้งานขีดเขียนหรือวาดรูปได้ดี และช่วยให้ทำงานได้หลากหลาย
ตัวเกมมิ่งคีย์บอร์ดขนาดฟูลไซส์พร้อมแสงไฟ RGB ที่ช่วยให้ใช้งานได้เป็นเหมือนโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง ส่วนนี้ตัวชมตัวปุ่มกดของตัวคีย์บอร์ดเลย เห็นบางๆ แบบนี้ แต่ปุ่มกดได้ลึก ไฟ RGB ก็สวยมาก ให้อารมณ์เหมือนเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดสมชื่อจริงๆ แต่จุดสังเกตนิดๆ คือ วัสดุที่ใช้หุ้มตัวคียบอร์ดเป็นเหมือนผ้า ไม่แน่ใจว่าหากใช้งานไปนาน ๆ แล้วจะมีความเปลี่ยนแปลงขนาดไหน
ด้านพอร์ตเชื่อมต่อก็มีให้ทั้ง Thunderbolt 4 (รองรับ DisplayPort 1.4 / Power Delivery) x 1 , USB 2.0 Type-A x 1 , microSD Card x 1 , 3.5mm Combo Audio Jack x 1
และ ROG XG Mobile Interface สำหรับต่อกับกล่องการ์ดจอแยกระดับ RTX 3080 ที่ทรงพลังกว่านี้ได้
เห็นบาง ๆ แบบนี้ (12 มิลลิเมตร) แต่ภายในมีพัดลม Arc Flow Fan ระบายความร้อนให้ 2 ตัว ซึ่งมีครีบใบพัดบางเพียง 0.1 มิลลิเมตร ช่วยให้เสียงรบกวนตอนทำงานเงียบกำลังดี (ยังได้ยินบ้างแต่น้อย) ระบายความร้อนคู่กับ Vapor Chamber Cooling แผงช่วยกระจายความร้อนที่ครอมคลุมเกือบทั้งเครื่อง และมี Liquid Metal สารนำความร้อนแบบโลหะเหลวบนตัวชิปซีพียูและการ์ดจอ ส่วนจะระบายความร้อนได้ขนาดไหน เดี๋ยวมาดูผลทดสอบกันในหัวข้อใหญ่ถัดไปเลย
ในส่วนการปรับแต่งประสิทธิภาพตัวเครื่อง และแสงสี RGB ด้านหลัง ก็จะมีสองโปรแกรมอย่าง Armoury Crate ให้ผู้ใช้เลือกปรับโหมดการทำงานของพัดลมให้เหมาะสมได้ตามลักษณะการใช้งาน กับ Aura Creator ไว้ปรับแสงสี RGB รอบตัวเครื่อง โดยรวมใช้งานไม่ยาก และปรับแต่งได้หลากหลายสุด ๆ
ประสิทธิภาพ
ขุมพลังหลักของตัวเครื่องก็มีซีพียู Intel Core i7-12700H กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 (พร้อม MUX Switch ให้เลือกใช้การ์ดจอได้อิสระ) แรมขนาด 16GB แบบ LPDDR5 ปิดด้วย SSD NVMe แบบ PCIe 4.0 SSD ขนาด 512GB ทั้งหมดจะทรงประสิทธิภาพแค่ไหน ลองมาดูผลเทสกัน
รายละเอียดซีพียู Intel Core i7-12700H แรมขนาด 16GB แบบ DDR5 และการ์ดจอ RTX 3050 ที่ใช้ในตัวเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่าจะยัดในร่างบาง ๆ แบบนี้ได้
Cinebench R15 ได้ Open GL ไป 178.97 fps CPU ได้ 2738 cb ส่วน Cinebench R20 ได้ 6724 pts และสุดท้าย Cinebench R23 ก็ได้คะแนนไปอีกที่ 16671 pts สำหรับ Mutli Core และ 1801 pts สำหรับ Single Core แรงน้อยกว่ารุ่น Core i9 ระดับหนึ่ง แต่ก็มีคะแนนอยู่ในระดับ Top การันตีว่าซีพียู Core i7 Gen 12th ไม่ใช่ธรรมดาเลย
ด้าน PC Mark 10 ก็ได้ไป 6921 คะแนน ประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป แซงหน้าแท็บเล็ต PC หรือกระทั่งโน้ตบุ๊กไปหลายรุ่นทีเดียว
ลองเทสของโหดกันหน่อย ผลเทสจาก 3D Mark ระดับ Ultra ตัว RTX 3050 + Intel Core i7-12700H ก็ทำคะแนนได้ไป 2429 คะแนน ถือว่าอยู่ในระดับพอใช้งานได้ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะอย่างไรการ์ดจอ RTX 3050 ก็นับว่าเป็นการ์ดจอระดับกลาง ๆ ยังไม่ขั้นสูงเหมือน RTX 3060 ขึ้นไป
ด้านเกมมิ่งก็ลองเทสเกม FFVX ผลคือได้ไป 5680 คะแนน ยังเล่นได้ลื่น ๆ ถ้าไม่ปรับภาพสุด
ปิดท้ายด้วยประสิทธิภาพแบตฯ ที่หลายคนคงอยากรู้มากที่สุด ในรุ่น Core i7 ตัวนี้ ก็สามารถใช้งานได้ประมาณ 4 ชั่วโมง