รีวิว : Belkin SOUNDFORM Freedom/Move หูฟังไร้สาย 2 ไลฟ์สไตล์

จะเป็นอย่างไรหาก Belkin ทำหูฟัง True Wireless ในราคาที่คุ้มค่า !! รีวิวนี้พบกับ Belkin รุ่น SOUNDFORM Freedom และรุ่น SOUNDFORM Move สองหูฟังไร้สาย 2 สไตล์ เน้นฟีเจอร์หรือเน้นเสียงเพลงล้วน สำหรับ SOUNDFORM ก็เป็นซีรีส์หูฟัง True Wireless ที่ทาง Belkin พัฒนามาพักหนึ่งแล้ว จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่ Belkin ทำหูฟังไร้สาย และมีราคาเข้าถึงง่ายเกินคาดด้วย (ใช่ Belkin จริงดิ ?)

ในรุ่น Freedom กับ Move ก็เช่นกัน ทว่าสำหรับรุ่น Freedom จะมีความพรี่เมี่ยมขึ้นมาอีกขึ้น โดยเป็นหูฟัง True Wireless หลากฟีเจอร์มาก ๆ อาทิ รองรับ Find My เพื่อค้นหาและติดตามอุปกรณ์บนเครื่อง iPhone ได้หากสูญหาย กับรองรับการชาร์จแบบไร้สาย  รองรับ aptX และรองรับระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก

ส่วนรุ่น Move จะเน้นการฟังเพลงล้วน ๆ โดยตัดฟีเจอร์บางส่วนออกไป เพื่อให้ได้ราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่า และเน้นใส่วิ่งใส่ออกกำลังกายตามชื่อเลย ซึ่งตัว Belkin รุ่น SOUNDFORM Freedom และรุ่น SOUNDFORM Move จะมีลักษณะกับการใช้งาน รวมไปถึงคุณภาพเสียงเป็นอย่างไร เลื่อนลงมาเลยครับ

ฟีเจอร์เด่น Belkin SOUNDFORM Freedom 

  • คุณภาพเสียง – ไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 7 มม.พร้อมเลเยอร์คู่ (PEEK+TPU) นำเข้าจากเกาหลี ซึ่ง PEEK เป็นวัสดุที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ และการใช้ไดร์เวอร์สองชั้นจะให้เสียงเบสที่ทุ้มลึกในขณะที่ยังคงเสียงกลางและสูงที่ชัดเจน
  • คุณภาพการโทร – มีไมค์ทั้งหมด 4 ตัว, พร้อมพร้อมเทคโนโลยี cVc 8.0 – ในหูฟังแต่ละข้างมีไมโครโฟน 2 ตัวในตัว ซึ่งใช้อัลกอริธึมการโทรแบบไมค์คู่ โดยฟีเจอร์ cVc 8.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ Qualcomm จะทำหน้าที่ตัดเสียงสะท้อนและระงับเสียงรบกวนรอบข้างระหว่างการโทร
  • การควบคุมและใช้งานง่าย -เซ็นเซอร์สัมผัสอัจฉริยะพร้อมการเล่น/หยุดชั่วคราว เพิ่ม/ลดระดับเสียง แทร็กถัดไป/ย้อนกลับ ระบบเซ็นเซอร์อินฟราเรดอัจฉริยะสำหรับการหยุดชั่วคราวและเล่นอัตโนมัติเมื่อคุณใส่หูฟังเข้าและออกจากหู
  • รองรับ aptX– รองรับ aptX ในตัว ให้สตรีมเพลงคุณภาพระดับซีดีพร้อมอุปกรณ์ที่รองรับ
  • Bluetooth 5.2 – มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Bluetooth-5.2 รุ่นล่าสุด โดย Belkin SOUNDFORM™ Freedom True Wireless Earbuds มอบประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สายที่ที่ยอดเยี่ยม มอบความบันเทิงไร้กังวลและอิสระในแบบไร้สาย
  • เวลาเล่น (36 ชม.) – เมื่อชาร์จเต็ม หูฟังจะมีเวลาเล่นต่อเนื่องสูงสุด 8 ชั่วโมง และมีเวลาเล่นอีก 28 ชั่วโมงผ่านเคสชาร์จแบบไร้สาย
  • การชาร์จแบบไร้สาย – หูฟังจะชาร์จจนเต็มภายใน 1 ชั่วโมง และเคสภายใน 90 นาทีโดยเคสนี้สามารถชาร์จด้วยเครื่องชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi หรือผ่านพอร์ต USB-C
  • สวมใส่ได้สบาย – หูฟังซิลิโคนมีจุกหูฟังขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่เพื่อให้สวมใส่ได้พอดี
  • IPX5 – IPX5 หูฟังให้ประสิทธิภาพในการทนเหงื่อและละลองน้ำ ซึ่งพร้อมสำหรับไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉงและทุกสภาพอากาศ

ฟีเจอร์เด่น Belkin SOUNDFORM Move

  • Bluetooth 0 – จับคู่กับอุปกรณ์ iOS และ Android ด้วยเทคโนโลยี Bluetooth 5.0 ได้อย่างง่ายดาย และให้ความอิสระในการใช้งานด้วยระยะไกลสูงสุด 10 เมตร
  • รับสายด้วยหูฟังเอียร์บัดทั้งสองข้าง – หูฟังทั้ง 2 ข้างมีไมโครโฟนในตัวสำหรับโทรออกและรับสายได้อิสระทั้ง 2 ข้าง แม้สวมใส่ใช้งานอยู่ข้างเดียวก็ตาม
  • เคสชาร์จแบบพกพา – เคสชาร์จที่ให้มานั้นมีขนาดกะทัดรัด สามารถใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ หรือกระเป๋าเป้ได้อย่างง่ายดาย และมีไฟ LED เพื่อแจ้งสถานะของแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่เพื่อให้วางแผนการใช้งานได้เป็นอย่างดี
  • ชาร์จในระหว่างเดินทาง – ด้วยระยะเวลาการเล่นเพลงสูงสุด 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง บวกกับอีก 19 ชั่วโมง เมื่อใช้งานคู่กับเคสชาร์จแบบพกพา ช่วยให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
  • สวมใส่ได้สบายตลอดทั้งวัน – จุกหูฟังซิลิโคนขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อให้สวมใส่เข้าไปในหูได้อย่างปลอดภัยและให้ความรู้สึกสบายไม่ระคายหู
  • สั่งงานด้วยระบบสัมผัส – หูฟังไร้สายแต่ละข้างมาพร้อมเซนเซอร์ที่แม่นยำ สามารถสั่งงานได้สะดวกสบาย ทั้งการใช้งานภายในบ้าน หรือใช้งานในระหว่างเดินทาง

งานออกแบบ

กลิ่นอายความเป็น Belkin มาเต็มจริง ๆ คืออุปกรณ์แบรนด์นี้มักจะต้องมีความโค้งมนเสมอ งานประกอบต้องไม่กระจอก และสีประจำตัวต้องมีสีขาวกับสีดำให้เลือก ซึ่งตัว SOUNDFORM Freedom และ  SOUNDFORM Move ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สวยทั้งคู่ แต่ก็มีความต่างชัดเจน

เริ่มจากตัว Belkin SOUNDFORM Freedom รุ่นสีขาว (มีสีดำด้วยนะ) งานออกแบบก็พรี่เมี่ยมสมแบรนด์ มาเป็นกล่องเคสสี่เหลี่ยมดูมีความสมมาตร แต่ก็ยังมีความโค้งมนตามสไตล์ จุดที่ต้องชมเลยคือ ‘วัสดุ’ ทั้งตัวเคสและจุกหูฟังใช้พลาสติก ซึ่งสัมผัสได้เลยว่าเป็นเกรดคุณภาพ โดยเฉพาะตัวเคส ที่ใช้พลาสติก 2 แบบ แบ่งเป็นผิวมันกับผิวด้านผสมกัน คือไม่เป็นมันเงาทั้งตัว ทำให้เกิดรอย ‘ขนแมว’ ได้ยากนั้นเอง ตัวเคสชาร์จของ Freedom ก็มาพร้อม USB-C ตามสมัยนิยม กับมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่ารองรับการชาร์จไร้สายให้เห็นเลย

ส่วนตัวหูฟังก็ใช้ผสมเหมือนกันเลย มีทั้งผิวมันกับผิวด้านเช่นกัน ด้านงานประกอบก็เยี่ยมทั้งคู่ ส่วนจุดสังเกตคือเป็นหูฟังแบบมีก้าน และมีส่วนที่เก็บไดร์เวอร์หูฟังใหญ่เป็นพิเศษ ซึ่งจากข้อมูลสเปกระบุเลยว่า ตัวหูฟังมาพร้อมไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 7 มม.พร้อมเลเยอร์คู่ (PEEK+TPU) นำเข้าจากเกาหลี ซึ่ง PEEK เป็นวัสดุที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ จุดนี้ทาง Belkin ยังให้เหตุผลอีกว่า การใช้ไดร์เวอร์สองชั้นจะให้เสียงเบสที่ทุ้มลึกในขณะที่ยังคงเสียงกลางและสูงที่ชัดเจน

สำหรับงานออกแบบของตัว Belkin SOUNDFORM Move ก็ชัดเจนเลยว่า เป็นหูฟังสายลุยสมชื่อ คือดูมีความ Sport เน้นใส่เพื่อออกกำลังกาย ซึ่งก็ตัวหูฟังก็ทำได้ไม่มีปัญหา เพราะมีมาตรฐานกันน้ำระดับ IPX5 (ตัว Freedom ก็มีนะ) และตัวจุกหูฟังแบบ In-Ear ที่ดูสวมใส่เข้าหูได้ง่าย (แอบรู้สึกว่าใส่ง่ายกว่าตัว Freedom) ส่วนตัวเคสชาร์จก็มาเป็นทรงลูกรักบี้มาเลย เพิ่มความ Sport เข้าไปอีก ทว่าจุดสังเกตก็มีพอร์ต USB แบบ Micro และด้านวัสดุออกไปทางธรรมดา เป็นพลาสติกอ่อนผิวด้านทั้งตัว แต่ยกเว้นตัวหูฟังที่เป็นพลาสติกผิวมันทั้งตัวแทน

การใช้งาน

ในส่วนการใช้งาน ก็จะว่าด้วยเรื่องของตัวแบตฯ การเชื่อมต่อ และระบบสัมผัส ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ตัวหูฟังทั้งรุ่นนี้ ไม่มีแอปฯ ช่วยควบคุม ทำให้เราต้องปรับเอาเองจากตัวหูฟังโดยตรง

เริ่มจากตัว Top อย่าง SOUNDFORM Freedom สำหรับตัวหูฟังนี้ก็มาพร้อม Bluetooth 5.2 มาเลย ทำให้ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อจะดีเป็นพิเศษ ซึ่งหลังทำการ Pairing เสร็จแล้ว ต่อไปเพียงแค่เปิดตัวกล่องเคสชาร์จขึ้นมา ตัวหูฟังจะจับคู่กับอุปกรณ์ที่เลือกไว้ทันที ง่ายต่อการใช้งานมาก ๆ ส่วนระบบสัมผัสก็มีทั้งแตะ 2 ครั้งเพื่อ Play/Pause เพลงที่กำลังเล่น แตะ 3 ครั้งเพื่อเปลี่ยนเพลง และแตะค้างเพื่อเรียก Google Assistant ก็ได้เช่นกัน ส่วนแบตฯ หูฟังใช้ได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 8 ชั่วโมง และได้อีก 28 ชั่วโมง หากใช้ร่วมกับเคสชาร์จ ถือว่าเป็นหูฟัง True Wireless ที่แบตฯ อึดมาก ๆ รุ่นหนึ่งเลย

ส่วนการใช้งานตัว Belkin SOUNDFORM Move ตัวนี้จะมีความแตกต่างจากตัว Freedom อยู่หลายจุดเลย อย่างแรกไม่มีเปิดฝาแล้วเชื่อมต่อทันที ต้องหยิบตัวหูฟังออกมาก่อนถึงจะมีการเชื่อมต่อ อย่างที่สอง ไม่มีปุ่มสำหรับ Pairing และสุดท้ายไม่รองรับ aptX ในตัว กับใช้ Bluetooth 5.0 ซึ่งทั้งหมดนี้ก็แลกมาราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า แต่ส่วนตัวกลับคิดว่า มันมาพร้อมการใช้งานที่เป็นมิตรกว่าด้วย

อย่างแรกคือระบบสัมผัสของตัวจุกหูฟัง ไม่ ‘Touch’ ติดง่ายเหมือนตัว Freedom และมีพื้นที่สัมผัสที่น้อยกว่าอีก ทำให้สามารถจับยัดตัวจุกหูฟังได้สะดวก โดยไม่ต้องกลัวลั่นระบบสัมผัส (ส่วนการสั่งการระบบสัมผัสก็เหมือนกับตัว Freedom) กับเวลาเอาหูฟังออก เพลงจะไม่หยุดตาม อารมณ์คือเราเอาออกหูฟังออกหนึ่งข้างเพื่อฟังเสียงภายนอก แต่ก็ยังไม่อยากให้เพลงหยุดกลางคัน (เพราะแบบนี้ถีงต้องมีแอปฯ ช่วยควบคุมไง ตัว Freedom จะได้ทำเหมือนกันได้)  สุดท้ายตัวก้านหูฟังจับถนัดมือได้ดีกว่า ทำให้จับยัดเข้าหูได้สะดวกและแน่นกว่านั้นเอง

สำหรับแบตฯ ก็สามารถเล่นเพลงสูงสุด 5 ชั่วโมง บวกกับอีก 19 ชั่วโมงจากเคสชาร์จ

คุณภาพเสียง

มาถึงส่วนสำคัญแล้ว ซึ่งก็ตามหัวข้อรีวิวเลย ‘หูฟัง 2 สไตล์’ จากการใช้งานก็พอเห็นแล้วว่ามัน 2 สไตล์ขนาดไหน แต่ในหัวข้อนี้ จะทำให้ชัดเจนขึ้นไปอีกว่า Freedom กับ Move เกิดมาเพื่อสไตล์ใครสไตล์มันจริง ๆ ตามนี้

สำหรับใครที่เป็นคอเสียงเบส ชอบเบสแน่น ๆ เบสเขย่าหู ขอแนะนำตัว Belkin SOUNDFORM Freedom เลย คือบุคลิกเสียงผิดกับหน้าตามาก ๆ ส่วนนี้อาจเป็นเพราะตัวไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 7 มม. ที่มาพร้อมเลเยอร์คู่หรือ PEEK + TPU ซึ่งทาง Belkin บอกเองเลยว่า Powerful Bass เบสทรงพลัง ซึ่งก็ทรงพลังจริง ๆ มาเป็นลูก ๆ เลย

และนอกจากเสียงเบสแล้ว เสียงกลางและเสียงสูง ก็เด่นไม่แพ้กันด้วย คือเป็นหูฟังที่เหมาะสำหรับใครที่อยากฟังทั้งเสียงดนตรีและเสียงร้องแบบกระแทกหู SOUNDFORM Freedom คือคำตอบ

ส่วนตัว Move ที่แม้จะดูดุดันกว่า ทว่าบุคลิกเสียงกลับมาเป็นทางสายกลาง คือเสียงได้สนุกทุกแนว เน้นฟังเพลงทั่ว ๆ ไป ซึ่งไม่สุดจัดเหมือนรุ่น Freedom แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า ให้คุณภาพเสียงได้ดีทีเดียว (เมื่อเทียบกับหูฟังในราคาพอ ๆ กัน) ฉะนั้นใครที่อยากได้หูฟัง True Wireless เอามาฟังสนุก ๆ ไม่เน้นฟีเจอร์ และมีงบสบายกระเป๋า เลือก SOUNDFORM Move เลยครับ

สรุป

Shops
แชร์ :
review
  • วัสดุ / การออกแบบ
  • สเปค / ฟีเจอร์
  • ราคา / ความคุ้มค่า

Summary

ราคาย่อมเยา แต่คุณภาพไม่ย่อมเยาเลย SOUNDFORM Freedom และ SOUNDFORM Move ทั้งสองตัว ถือเป็นหูฟังไร้สาย True Wireless ที่มีบุคลิกเสียงชัดเจนทีเดียว อย่างตัว Freedom จะหนักไปทางเสียงเบสซึ่งจัดจ้านมาก ๆ ๆ ผิดกับหน้าตาที่ดูเป็นหูฟังสาย Lifestyle เน้นฟังเพลงทั่ว ๆ ไป ส่วนตัว Move นี่สิหูฟังเน้นฟังเพลงทั่ว ๆ ไปของจริง คือฟังได้ดีทุกแนว แต่ไม่สุดจัดเหมือนรุ่น Freedom ที่เด่นทั้งเสียงเบส และมีเสียงกลางและเสียงสูงที่ชัดเจนเป็นพิเศษด้วย ทว่าแลกมากับราคาที่เข้าถึงง่ายกว่ามาก

ด้านการใช้งาน Freedom คือ ‘เดอะฟีเจอร์’ โดยแท้ เหมาะสำหรับใครไม่ได้ต้องการหูฟังไร้สาย ไว้แค่ฟังเพลงเพียงอย่างเดียว ซึ่งตัว Freedom ก็มีทั้งไมค์ 2 ตัว (ในหนึ่งข้าง) พร้อมฟีเจอร์ช่วยตัดเสียงรบกวนจาก Qualcomm , เชื่อมต่อไร้สายเยื่ยม (มี Bluetooth 5.2 ) , รองรับ aptX , ชาร์จไร้สาย Qi ได้ , มี IPX5 และสามารถใช้แอปฯ Find My ร่วมกับอุปกรณ์ iOS เพื่อช่วยค้นหาตัวหูฟังเวลาสูญหายได้อีก

ส่วนทางด้าน Move คือหูฟังไร้สายที่ใช้งานได้ดี แบบไม่ต้องคิดอะไรมากจริง ๆ ตัวหูฟังไม่ได้มีฟีเจอร์จัดจ้านเหมือนตัว Freedom แต่นั้นก็แลกมากับการใช้งานที่เป็นมิตร (ส่วนตัวแอบรำคาญฟีเจอร์สัมผัสอัจฉริยะของตัว Freedom นิด ๆ ติดนิ้วไวเกิน – -) และตัวจุกหูฟังก็ออกแบบให้สวมใส่หูฟังได้ง่ายและหลุดยาก ทำให้ใส่เดินหรือวิ่งได้สบาย ๆ แน่นอนว่าใส่ออกำลังได้ดีเลย โดยมี IPX5 ให้ด้วย ด้านคุณภาพเสียง ก็ฟังเพลินได้ทุกแนว แต่ก็มีจุดที่แอบเสียคือ พอร์ตเชื่อมต่อยังเป็น Micro อยู่

ข้อสังเกตสำคัญของหูฟัง Belkin ทั้ง 2 ตัวนี้คือ ไม่มีแอปฯ ช่วยควบคุม ส่วนนี้ส่งผลต่อตัว Freedom อยู่ไม่น้อย คือจากใจ อยากลองไปปรับแต่งการใช้งานสัมผัสอัจฉริยะมาก ๆ ให้มีเฉพาะส่วนที่ต้องการใช้งานจริง ๆ พอแล้ว เช่น ปิดตัวเรียก Google Assistant ไปเลย

ท้ายนี้ราคาของ Belkin SOUNDFORM ของตัว Freedom และ Move เริ่มจากตัว Belkin SOUNDFORM Freedom ก็มีราคาอยู่ที่ 3,990 บาท นับว่าคุ้มกับสารพัดฟีเจอร์ที่มี ส่วนตัว Belkin SOUNDFORM Move มีราคาอยู่ที่ 1,390 บาท เท่านั้น ฟีเจอร์น้อยแต่คุ้มค่า

Comments Rating 0 (0 reviews)

Leave a Reply

User Review
  • วัสดุ / การออกแบบ
    Sending
  • สเปค / ฟีเจอร์
    Sending
  • ราคา / ความคุ้มค่า
    Sending

Follow us
Most popular
Category
Tag

Relate Article