มาไกลจริง ๆ กับ Vivobook ซีรีส์โน้ตบุ๊กราคาจับต้องง่ายจาก ASUS ปัจจุบันเริ่มกลายเป็นโน้ตบุ๊กระดับพรี่เมี่ยมwxแล้ว ทั้งหน้าจอแบบ OLED ดีไซน์ที่สวยงามไม่แพ้รุ่น Hi-End และราคาที่ยังคงเข้าถึงง่ายเหมือนเคย รีวิวนี้พบกับ ASUS Vivobook Pro 16X OLED กับดีไซน์เอาใจสาย Creator มีปุ่ม DialPad เฉพาะ และมาพร้อมจอ OLED ระดับ 4K ในขนาด 16 นิ้ว กับสเปกแรงด้วย AMD Ryzen 9 5900HX และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti  โดยการใช้งานจะเป็นอย่างไรบ้าง ลองมาดูกันครับ

รายละเอียดสเปก

Display : OLED 16-inch 16:10 4K
Operating System : Windows 10 Home (อัปเดตเป็น Windows 11 ได้)
CPU : AMD Ryzen 9 5900HX
Graphic Card : NVIDIA GeForce RTX 3050 Ti 4GB GDDR6
RAM : 32GB DDR4
Storage : SSD 1TB M.2 NVMe PCIe 3.0 SSD
Port : USB 3.2 Gen 1 Type-A x 1 , USB 3.2 Gen 1 Type-C x 1 USB 2.0 Type-A x 2 HDMI 1.4 x 1 3.5mm Combo Audio Jack  , DC-in , Micro SD
Wifi : Wifi 6 support

วัสดุและดีไซน์

หน้าตามาแบบเรียบ ๆ แต่ก็ไม่เรียบซะทีเดียว มีการเล่นลวดลายตรงโลโก้ Vivobook จากเดิมเป็นเพียงตัวอักษร คราวนี้เพิ่มกรอบเพิ่มความนูนเข้ามาด้วย ด้านวัสดุเป็นพลาสติกสีดำล้วน (มีรุ่นสีขาว) ส่วนความบางอยู่ที่ 1.89 ซม. และหนัก 1.95 กก.

ทีเด็ดจริง ๆ ของ ASUS Vivobook Pro 16X OLED ก็คือหน้าจอ OLED นี้เอง ซึ่งให้ความแตกต่างจากโน้ตุบ๊กจอ LED หรือ LCD พอควร คือไม่ต้องเทียบก็รู้เลยว่ามีความแตกต่าง โดยจอ OLED จะมีทั้งความสว่างและสีสันที่สดใหม่กว่ามาก ๆ นั้นเอง

นอกจากจอ OLED แล้ว ส่วนแป้นพิพม์หรือคียบอร์ด ก็มีการเล่นลวดลายเก๋ ๆ ให้ดูเหมือนเป็นอุปกรณ์สำหรับ Crator ยังไงยังงั้น คือมีการเพิ่มสีเทาบนปุ่มคียบอร์ดบางปุ่ม ESC กลายเป็นสีส้ม และปุ่ม Enter ที่มีลวดลายคล้ายอุปกรณ์ช่าวติดมาด้วย เด่นสะดุดอยู่ปุ่มเดียวเลย

ด้านพอร์ตเชื่อมต่อก็มี USB 3.2 Gen 1 Type-A x 1 , USB 3.2 Gen 1 Type-C x 1 USB 2.0 Type-A x 2 HDMI 1.4 x 1 3.5mm Combo Audio Jack  , DC-in  และ Micro SD ส่วนใต้เครื่องมีแผงระบายความร้อน 3 แผง ตรงบริเวณพัดลมระบายความร้อนสองตัว

จอ OLED ดียังไง

เป็นส่วนที่ต้องขอเพิ่มเป็นกรณีพิเสษเลย คือจอ OLED (Organic Light-Emitting Diodes) ของตัวเครื่อง มันคือจุดเด่นที่แท้จริง ด้านสเปกก็เป็นจอกระจกขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด 4K (3840 x 2400) สัดส่วน 16:10 กับ Response time เพียง 0.2 ms และมีมาตรฐานการแสดงผล DCI-P3 color gamut ถึง 100% ได้ตรารับรอง PANTONE สำหรับความแม่นยำของสีในระดับมืออาชีพ และการรับรองของ TÜV Rheinland สำหรับการควบคุมแสงสีฟ้า ทำให้ปลอดภัยต่อดวงตาของผู้ใช้ โดยทั้งนี้จอแสดงผล OLED ยังช่วยลดแสงสีฟ้าได้ถึง 70% เมื่อเทียบกับจอ LCD ปกติด้วย

ความละเอียด 4K@60Hz และ 10-bit

นอกนั้นก็มี DisplayHDR 500 True Black แสดงภาพสีดำที่ดำสนิท ช่วยให้เห็นรายละเอียดในฉากภาพยนตร์ที่มืด ได้ดีขึ้น อย่างในที่นี้ลองเล่นเกม Cyberpunk 2077 ภาพออกมาสวยคมมาก ๆ  ทั้งยังตอบสนองได้ไวด้วย ทั้งหมดนี้ก็ช่วยให้ตัว ASUS Vivobook Pro 16X OLED กลายเป็นโน้ตบุ๊กขวัญใจทั้งชาว Creator และชาว Gaming ไปพร้อมกันเลย

โปรแกรม My ASUS ใช้ปรับแต่งจอ OLED ได้

มีชุดโปรแกรมจาก ProArt ให้ด้วย หมายความว่า ASUS Vivobook Pro 16X OLED ตัวนี้ เป็น ProArt แฝงตัว !?

ประสิทธิภาพ

ขุมพลังของ ASUS Vivobook Pro 16X OLED ประกอบด้วย AMD Ryzen 9 5900HX กับแรม 32GB DDR4 และการ์ดจอ RTX 3050 Ti 4GB GDDR6 สเปกเกมมิ่งดี ๆ นี้เอง แต่มีแรมมาให้ถึง 32GB และซีพียูระดับ Ryzen 9 สำหรับการ์ดจอ ส่วนตัวอยากให้มีรุ่นที่ใช้ RTX 3060 ไปเลย แต่เกรงว่าเครื่องอาจจะหนาและราคาสูงเกินไป จึงกลายเป็น RTX 3050Ti แทน กระนั้น RTX ก็คือ RTX เดี๋ยวลองมาดูประสิทธิภาพกัน

รายละเอียด AMD Ryzen 9 5900HX กับการ์ดจอ RTX 3050 Ti 4GB GDDR6

ผลเทสจาก Cinebench R15 ก็ได้ไป 2049 cb และ OpenGL ได้ไป 161.71 fps ส่วน Cinebench R20 ก็ได้ที่ 4686 pts

ด้าน 3D Mark ก็ประเดิมด้วย Fire Strike ระดับ Extreme และ Ultra คะแนนก็ได้ตามนี้ Extreme ได้ 5,543 คะแนน ส่วน Ultra ได้ 2,934 คะแนน

ด้าน Time Spy Extreme ก็ได้ที่ 2,354 คะแนน ส่วน Night Raid ได้ไป 26,197 คะแนน

PC Mark 10 ทั้ง 3 เวอร์ชั่น ก็ลุยได้ตามนี้เลย โดยเวอร์ชั่นหลักก็ได้ไปถึง 6274 คะแนน แรม 32GB ช่วยได้เยอะ

อีกส่วนที่น่าสนใจคือ เรื่องการระบายความร้อน ผลคือ สามารถระบายความร้อนส่วนการ์ดจอได้ดีเลย ส่วนซีพียูหากใช้จนสุด ก็มีร้อนนิด ๆ แต่ยังอยู่ในระดับใช้งานต่อเนื่องได้

ด้านแบตฯ ถึงกลับร้องว้าว ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้นานถึง 18 ชั่วโมง จอ OLED ช่วยได้ขนาดนี้เลยหรือ

ปิดท้ายด้วยความเร็วอ่านเขียนของ SSD ขนาด 1TB ในตัวเครื่อง ผลก็ตามนี้ ความเร็วอ่านอยู่ที่ 3,608 MB/s ส่วนความเร็วเขียนอยู่ที่ 3,228 MB/s

Gaming Test

ลองเทสเกม Cyberpunk 2077 ในความละเอียด 4K พร้อมเปิด DLSS ผลคือได้ภาพที่งามหยด สวยสุด ๆ แต่ก็มีกระตุกอยู่มเหมือนกัน ถ้าอยากเล่นลื่น ๆ ก็ต้องปรับภาพจาก 4K เหลือ 2K หรือ 1080p จะดีกว่า

ส่วนคะแนนเทสเกม Final Fantasy XV ก็ได้คะแนนตามนี้

สรุป