รีวิวนี้บอกเลยว่า ‘มีทีเด็ด’ โชว์คอมโบระหว่างโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต ที่อาจไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน !! พบกับ HUAWEI MateBook D15 โน้ตบุ๊กจอใหญ่ 15 นิ้วในร่างบางสุดหรู มาพร้อม Intel Core i5-1135G7 ซีพียู Intel Gen 11th ตัวล่าสุด และการ์ดจอ Intel Iris Xe ที่เพิ่งพาได้มากขึ้น ในราคา 26,990 บาท หรือเริ่มต้น 16,490 บาท เท่านั้น
HUAWEI MateBook D15 (2021) ภาคต่อของโน้ตบุ๊กตระกูล Matebook D Series ที่เน้นความเรียบง่าย แต่หรูหราในแบบที่จับต้องได้ง่าย ทั้งยังมีฟีเจอร์ล้ำ ๆ เฉพาะตัว และมี Huawei Share ฟีเจอร์ใช้งานแบบไร้รอยต่อ ที่จะมาจัดหนักในรีวิวนี้กัน
จุดเด่นอีกอย่างของ MateBook D15 (2021) คือ หน้าจอใหญ่ขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งมีสัดส่วนจออยู่ถึง 86% ทั้งยังมีความบางเบาเป็นพิเศษด้วย เอาจริง ๆ นะ บางเบาพิเศษในที่นี้ ไม่ใช่แบบโน้ตบุ๊กจอ 13 หรือ 14 นิ้ว ที่นับวันแทบจะเป็นแท็บเล็ตอยู่แล้ว แต่หากเทียบกับโน้ตบุ๊กจอ 15 นิ้วสมัยก่อน ตัว MateBook D15 (2021) นี้มีความบางกว่ากันมาก ๆ และมีขนาดจอที่เต็มตากว่าด้วย (ส่วนตัวคิดว่าโน้ตบุ๊กจอ 13 ยังเล็กเกินไป)
ตามที่เกริ่นไป รอบนี้มาพร้อมซีพียู Intel Gen 11th อย่าง Core i5-1135G7 และ Intel Iris Xe การ์ดจอออนบอร์ดแห่งปี ซึ่งมีความแรงที่ยกระดับจากรุ่นก่อน โดยจะแรงและใช้งานได้ดีแค่ไหนนั้น เลื่อนลงมาเลยครับ
รายละเอียดสเปก HUAWEI MateBook D15 (2021)
หน้าจอ : 15.6 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD (1920×1080) สัดส่วน 16 :9 ความสว่างสูงสุด 250 nits พร้อมตรารองรับจอถนอมสายตาจาก TÜV Rheinland
ซีพียู : Intel Core i5-1135G7
การ์ดจอ : Intel Iris Xe
แรม : 8GB LPDDR4
SSD : 512GB NVMe PCIe
แบตฯ : 42 WHr
เชื่อมต่อไร้สาย : Intel Wi-Fi 6 + Bluetooth 5.1
พอร์ตเชื่อมต่อ : USB-A 3.2 Gen1 x 1 , USB-A 2.0 x 2 , USB-C x 1 (สำหรับต่อไปเลี้ยง) HDMI x 1 และช่องเสียบหูฟังและไมโครโฟน 3.5 มม. x 1
OS : Windows 10 Home (อัปเกรดเป็น Windows 11 ได้)
แกะกล่อง
ของในกล่องมีมาแบบพอดิบพอดีจริง ๆ ประกอบด้วย ตัวเครื่อง HUAWEI MateBook D15 (2121) , หัวชาร์จ HUAWEI USB-C แบบ AC , สายอะแดปเตอร์ (USB-C) และชุดคู่มือกับใบรับประกัน
ตัวหัวชาร์จ HUAWEI USB-C นอกจากชาร์จตัวเครื่อง MateBook D15 (2021) ได้แล้ว ยังนำไปเสียบชาร์จไฟ 65W กับอุปกรณ์อื่นที่รองรับ USB-C ได้ด้วย ทั้งนี้ทาง HUAWEI เคลมด้วยว่า สามารถเสียบชาร์จตัว MateBook เพียง 15 นาที ก็ใช้งานได้นานถึง 2 ชั่วโมง
จอ 15 นิ้วในร่างบาง
เรียบง่าย หรูหรา และทนทาน MateBook D15 (2021) นับเป็นโน้ตบุ๊กที่ออกแบบได้เพรียวบางใช่เล่น โดยมีความหนาเพียง 16.9 มม. และน้ำหนัก 1.56 กก. ถือว่าเบาอยู่ เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กจอ 15.6 นิ้วหลาย ๆ รุ่น (ที่มักมีน้ำหนักเกือบ 2 กก. หรือเลยไปแล้ว) ตัวเครื่องใช้วัสดุ Aluminium Alloy ทำให้มีน้ำหนักไม่มาก แต่ยังคงความแข็งแรงทนทานอยู่ สามารถเอาไปใช้ลุยงานภาคสนามได้ดีเลย ทั้งนี้ตัวที่รีวิวยังเป็น Space Gray หรือรุ่นสีเทาด้วย ดูเข้ากับตัววัสดุที่ใช้ ที่ราวกับเป็นสีของอลูมิเนียมจริง ๆ
ลองดูความบางของตัวเครื่องชัด ๆ ถือเป็นโน้ตบุ๊กจอใหญ่ที่เพรียวบางดีแท้ แต่แม้จะร่างบางแบบนี้ ลองไปดูข้อมูล หน้าเว็บ พบตัวเครื่องมีการทดสอบความแข็งแรงต่าง ๆ มากมาย อาทิ ทดสอบในอุณหภูมิสูง 40 องศา , ทดสอบความทนทานของพอร์ต USB-C , ทดสอบความทนทานของปุ่มสแกนลายนิ้วมือ , ทดสอบอายุการใช้งานคีย์บอร์ด , ทดสอบอายุการใช้งานการพับ และทดสอบอายุการใช้งานทัชแพด ทั้งหมดก็พอช่วยการันตีได้ถึงความทนทานของตัว MateBook D15 (2021) ได้ดีเลย
เทียบความบางระหว่างตัวโน้ตบุ๊ก MateBook D15 (2021) กับ MatePad Pro 12.6 พร้อมเคสคีย์บอร์ด หนากว่ากันเพียงนิดเดียว หากเป็นรุ่นจอ 13 หรือ 14 นิ้ว คงหนาพอ ๆ กันไปแล้ว
บานพับหน้าจอสามารถกางออกได้ 178 องศา
พอร์ตเชื่อมต่อประกอบไปด้วย USB-A 3.2 Gen1 x 1 , USB-A 2.0 x 2 , USB-C x 1 (สำหรับต่อไปเลี้ยง) HDMI x 1 และช่องเสียบหูฟังและไมโครโฟน 3.5 มม. x 1 ถือว่าให้มาครบครัน แต่ช่อง USB-A 3.2 ให้มาน้อยไปนิด ที่เหลือก็เป็น 2.0 อีก
ส่วนระบายความร้อน ตัวเครื่องก็มาพร้อมพัดลม 1 ตัว หรือมีชื่อเท่ ๆ ว่า HUAWEI Shark Fin เป็นพัดลมที่มีความบางเพียง 0.2 มม. แทบไม่ส่งเสียงรบกวนออกมาเลย ทั้งนี้ทาง HUAWEI ระบุด้วยว่า สามารถระบายความร้อนได้มากขึ้น 24% เย็นกว่า ก็เงียบกว่า และมีเฉพาะในรุ่น Core i5 Gen 11th นี้เท่านั้น ซึ่งจะมีประสิทธิภาพการระบายความร้อนขนาดไหน รอดูได้ในหัวข้อ ‘ประสิทธิภาพ’
เมื่อมีบริเวณส่วนดูดลมเข้าของตัวเครื่องดี ๆ ก็จะพบลำโพง 2 ตัว อยู่ข้ามฝั่งกัน และยังมีไมโครโพนอีก 2 ติดตั้งในเครื่องด้วย
HUAWEI MateBook D15 (2021) Space Gray
สัมผัสการใช้งาน
ลองทดสอบการใช้งานทั่วไป จากที่ลองสัมผัสมาอาทิตย์กว่า จุดแรกที่ประทับใจก่อนเลยคือ ‘คีย์บอร์ด’ เป็นโน้ตบุ๊กที่คีย์บอร์ดพิมพ์มันมือมาก ๆ รองลงมาคือหน้าจอ ที่แม้ไม่ได้ชูเรื่องมาตรฐาน DCI-P3 หรือ sRGB อะไรชัดเจน แต่จากที่ลองใช้ก็ต้องยอมรับเลยว่า เป็นจอ Full-HD ขนาด 15.6 นิ้วที่คุณภาพมากก
ทั้งนี้ยังเป็นจอ HUAWEI FullView Display หรือจอที่มีขอบดำน้อยมาก โดยขอบจอบางเพียง 5.3 มม. (บน / ซ้าย / ขวา) และยังทำให้มีพื้นที่แสดงผลหรือสัดส่วนถึง 87% และในอัตราส่วนภาพ 16:9 ทั้งนี้ยังมี Flicker-Free และ Reduced Blue Light สองฟีเจอร์ช่วยถนอมสายตา ที่ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ด้วย
อย่างไรก็ตาม ตัวจอมีค่าความสว่างที่ 250 nits ถือว่าไม่น้อยแต่ก็ไม่เยอะมากเช่นกัน และมีอัตราส่วนสีดำสุดและสีขาวสุด 800:1 ด้วยอีก ฉะนั้นหากใช้กลางแจ้งที่มีแดดมาก อาจต้องหาทางย้ายที่หน่อย ถือว่าเป็นหน้าจอที่ไม่สู้แสงมากนัก กระนั้นก็แลกมากับ
สีสันและความคมชัดที่มีมากกว่าโน้ตบุ๊กจอ 15.6 นิ้วทั่ว ๆ ไปแน่นอน
ปุ่มสแกนลายนิ่วมือ ที่อยู่บริเวนเดียวกับปุ่มเปิดปิดตัวเครื่อง สามารถเปิดเครื่องหรือ Log-in พร้อมสแกนลายนิ้วมือได้ทันที
และการสแกนก็ทำได้ไวมาก ๆ ด้วย
ส่วนนี้มีทั้งชมและไม่ชม เรื่องชมคือตัวกล้อง Webcam ของ MateBook D15 (2021) ใช้ถ่ายภาพใบหน้าได้ดีเลย ถ่ายกลางคืนก็ดี และไม่ค่อยฟุ้งเหมือนกล้อง Webcam ราคาถูก
ทว่าจุดที่ไม่ชมเลยคือ ตัวกล้อง Webcam ปรับมุมให้เงยมากกว่านี้ไม่ได้ หากใครมาใช้งาน ก็คงเห็นเหนียงกันเกือบหมด ดูได้จากภาพตัวอย่างครับ (เซฟ !!)
ตัวเครื่องใช้คีย์บอร์ดแบบ TKL ที่ตัดปุ่ม NumPad ออกไปเรียบร้อย ทำให้ตัวเครื่องดูเรียบหรูและสมส่วนขึ้น
ลองใช้ Nahimic ฟีเจอร์พิเศษอย่างหนึ่งของตัว MateBook D15 (2021) ที่ใช้ปรับเสียงหูฟังได้หลากหลายขึ้น
เพื่งสังเกตเห็นว่า ตัว SSD ของ MateBook D15 (2021) ที่เป็นรุ่นความจุขนาด 512GB ถูกแบ่ง Partition พื้นที่ 2 ส่วน แบ่งออกเป็น Drive C และ D ตามภาพ
ใช้งานแบบไร้รอยต่อ
มาถึงส่วนโชว์คอมโบระหว่างโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ต หรือ ‘ทีเด็ด’ กันแล้ว ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำตัว HUAWEI MatePad Pro 12.6 แท็บเล็ตระดับ Hi-End พร้อมปากกา M-pencil ที่จะมาเป็นพระเอก นำการใช้งานร่วมกับตัว MateBook D15 (2021) โชว์การเชื่อมต่อแบบไร้สัมผัสหรือไร้สายในครั้งนี้เอง
ใน MateBook D15 (2021) จะมีซอฟต์แวร์ประจำตัวเครื่องเลยอย่าง PC Manager ช่วยจัดการอัปเดต Drive และเช็คสถานะกับการรับประกันตัวเครื่อง ทั้งหมดในที่เดียว
และอีก 2 ความสามารถเด่นก็คือ การแชร์จอ กับ Huawei Share นั้นเอง ส่วนนี้หากใครมีแผนจะซื้อตัว MateBook D15 (2021) หรือมีอยู่แล้ว แนะนำให้ลองเช็คอัปเดตตัว PC Manager ว่าเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อน โดยสามารถลองไปโหลดมาอัปเดตให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อนได้ ที่นี่
หลังอัปเดตเสร็จ ก็จะมีหน้า Connecting to a Tablet แชร์จอระหว่างตัวโน้ตบุ๊กกับตัวแท็บเล็ตเพิ่มขึ้นมาแล้ว กดให้เชื่อมต่อระหว่างกันเลย โดยตัวแท็บเล็ตก็เปิดใช้งาน Huawei Share พร้อมต่อ Wi-Fi ในชื่อเดียวกับที่ใช้ในตัวโน้ตบุ๊ก Huawei จากนั้นก็ลองใช้งานแบบนี้ดูได้ครับ
แปลงให้แท็บเล็ตหรือ MatePad Pro 12.6 กลายเป็นเมาส์ปากกาพร้อมจอหรือ Tablet Pen Display สุดพรี่เมี่ยมได้ทันที
และเพื่อความโปร ลองติดตั้งโปรแกรมสาย Cretor ระดับมือถืออาชีพในตัว MateBook D15 (2021) เพื่อทำให้ตัวแท็บเล็ต สามารถใช้ Adobe เวอร์ชั่น PC หรือในที่นี้คือ Clip Studio เวอร์ชั่น PC ได้เลยนั้นเอง
และอย่างที่เห็น นี่คือการเชื่อมต่อแบบไร้สาย 100% (ถ้าแบตฯ ไม่หมดก่อน) ซึ่งจากที่ลองใช้งาน ต้องบอกเลยว่า ลื่นไหลและสมูธสุด ๆ แทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือการใช้งานแบบไร้สายล้วน ๆ ทดสอบด้วยการลองวาดรูปเป็นเวลานับชั่วโมงเรียบร้อย ผลคือสามารถใช้งานได้จริง
อีกส่วนที่ชอบเป็นพิเศษคือ สามารถแปลงตัวแท็บเล็ต เป็นจอที่สองหรือทำ Extend แบบเดียวกับที่ชอบทำกันในจอ Monitor ได้
ตัวแท็บเล็ต MatePad Pro 12.6 เอง ก็มีฟีเจอร์รองรับการใช้งานด้านนี้ด้วย โดยมีปุ่มสลับจอไปมา กับปุ่ม Back หรือ Undo ย้อนกลับเมื่อพลาด
เมื่อแบ่งจอได้ ก็ใช้อีกจอเปิด Youtube ดูพวก Tutorial สอนการวาด หรือเปิดเพลงฟังไปด้วย วาดรูปไปด้วยก็ได้
พูดถึงส่วนที่เป็น M-pencil กับตัว MatePad Pro 12.6 กันหน่อย จุดนี้ขอชมเรื่องความลื่นไหลในการขีดเขียนเลย ตัว M-pencil รองรับแรงกดได้ 4,096 ระดับ กับมีหน้าจอ 120 Hz ของตัว MatePad Pro 12.6 ทำให้การวาดรูปทำได้เสมือนจริงมาก ติดแค่หน้าจออาจต้องใส่ฟิล์มด้าน จะได้ให้สัมผัสเหมือนกระดาษขึ้นมาหน่อย อีกส่วนก็มีการตั้งค่าอัตโนมัติเลย คือหลังทำการเชื่อมต่อระหว่างตัว MateBook D15 กับ MatePad Pro 12.6 แล้ว เมื่อเปิด Clip Studio ขึ้นมา มันจะแยกการสัมผัสระหว่างตัว M-pencil กับนิ้วมือของผู้ใช้ให้เลย ไม่ต้องกลัวอุ้งมือไปโดนหน้าจอสัมผัสของแท็บเล็ตจนงานเสียด้วย (เว้นแต่ไปโดนไอคอนเครื่องมือเครื่องมือของโปรแกรมแทน) เอามือวางทาบแล้ววาดเขียนได้ทันที
Huawei Share
ต่อไปลองแชร์ไฟล์แบบข้ามจอด้วย Huawei Share หรือผ่านตัว PC Manager
หากต้องการดึงรูปจากแท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ตัวอื่น ๆ ที่รองรับ Huawei Share ก็สามารถลากทีเดียวทั้งหมด แล้วกด Copy ลงที่ตัวเครื่อง MateBook D15 (2021) ทั้งหมดได้ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานด้วย
หรือจากกดส่งทีละรูปจากตัวแท็บเล็ตเองก็ได้
ประสิทธิภาพ
ขุมพลังหลักของตัว MateBook D15 (2021) ที่รีวิวนี่คือ Intel Core i5-1135G7 และการ์ดจอ Intel Iris Xe พร้อมแรมอีก 8GB กับ SSD 512GB ด้วย
รายละเอียดตัวซีพียู Intel Core i5-1135G7 และการ์ดจอ Intel Iris Xe
ผลเทสจาก Cinebench R15 ก็ได้ไป 910 cb และ OpenGL ได้ 80.02 fps ส่วน Cinebench R23 ก็ได้ที่ 4388 pts
PC Mark 10 ได้ถึง 4953 คะแนน
ความเร็วอ่านเขียนของ SSD ขนาด 512GB ก็ได้ความเร็วอ่านที่ 2488 MB/s กับความเร็วเขียน 1837 MB/s ความเร็วถือว่าพอเหมาะ
ลองเช็คอายุการใช้งานแบตฯ พบว่าสามารถใช้ได้ยาว ๆ ถึง 8 ชั่วโมง แต่เปิดความสว่างหน้าจอที่ 50% และปรับการใช้งานแบตฯ เป็นโหมดพลังงาน
สุดท้ายลองวัดประสิทธิภาพการระบายความร้อน ผลคือตัวเครื่องสามารถระบายความร้อนได้เฉลี่ยที่ 59 องศากันเลย แม้เล่นเกมอยู่ก็ตาม ตัวพัดลม HUAWEI Shark Fin แน่นอนจริง และรอบไม่ดังจนรบกวนด้วย
Gaming (ไหวไหม)
ลองมาดูกันว่าตัว Intel Core i5-1135G7 ที่มาพร้อมการ์ดจอออนบอร์ดอย่าง Intel Iris Xe จะเพิ่งพาได้ไหม วัดจาก Genshin Impact เกมพิฆาตการ์ดจอออนบอร์ดแห่งปี
ปรับสุดทุกอย่างคือเล่นได้ แต่ก็มีหน่วง ๆ ให้เห็นชัดจน ฉะนั้นสำหรับเกม Genshin Impact ที่รันด้วย Core i5-1135G7 นี้ ควรปรับภาพกราฟฟิกเป็น ‘กลาง’ จะดีกว่า พร้อมปิด V-Sync และลดการแสดงผลเงา ก็เป็นอันเล่นได้ลื่น ๆ ในภาพสวย ๆ แล้ว สรุปเพิ่งพาได้
สรุป
เป็นโน้ตบุ๊กจอ 15 นิ้วที่ใช้งานสนุกมาก และงานดีมากด้วย โดยเรื่องความพรี่เมี่ยม ทั้งดีไซน์ งานประกอบ และวัสดุที่ใช้ คือไม่นึกว่าเป็นโน้ตบุ๊กราคาต่ำกว่า 3 หมื่นบาท ถ้าเป็นสมัยก่อนมีราคา 4 – 5 หมื่นจะไม่แปลกใจเลย
ส่วนที่สนุกก็คือ ฟีเจอร์การใช้งานแบบไร้สายร่วมกับอุปกรณ์อื่นนี้เอง โดยหากใครมีแท็บเล็ต MatePad จาก HUAWEI ก็สามารถนำมา Combo กับตัว MateBook D15 (2021) เพื่อใช้งานเป็น ‘หน้าจอที่สอง’ ที่ไม่ต้องต่อสายเชื่อมต่ออะไรทั้งนั้น ไร้สายเพียว ๆ เลย จากรีวิวก็จะเห็นเลยว่า มันสามารถใช้งานแบบไร้สายได้ลื่นไหลมาก ๆ ๆ แทบไม่มีอาการหน่วงหรือแลคให้เห็น ใช้งานแบบ Real Time โดยการวาดรูปเป็นชั่วโมง ๆ ได้สบาย ๆ สามารถแปลงแท็บเล็ต MatePad Pro ให้กลายเป็นเมาส์ปากกาชั้นเยี่ยมได้เฉย
ด้านประสิทธิภาพ Intel Core i5-1135G7 + Intel Iris Xe สามารถเพิ่งพาได้จริง ๆ มีความแรงมากกว่าเดิมขึ้นเยอะ จากผลเทสทั้งหมด หรือดูได้จากการทดสอบเล่นเกม Genshin Impact ที่เล่นได้ลื่น ๆ แต่ก็ต้องปรับภาพกราฟฟิกให้เป็นระดับกลาง
ข้อสังเกตก็มีอยู่บางจุดเหมือนกัน อย่างแรกคือตัวกล้อง Webcam ที่มุมถ่ายไม่ค่อยดีนัก และปรับองศาเพิ่มเติมไม่ได้อีก อย่างที่สองก็คือพอร์ตเชื่อมต่อ USB-A 2.0 ที่มีมาให้ถึง 2 พอร์ต ซึ่งน่าจะใช้เป็น 3.0 ไปเลย สุดท้ายพอร์ต USB-C ที่ใช้ร่วมกับช่องเสียบไฟเลี้ยง เวลาจะใช้ก็ต้องถอดสายชาร์จออก มี USB-C ให้อีกช่องไปเลยจะดีกว่า ส่วนแรมเป็นแบบฝั่งติดบอร์ด อัปเกรดเพิ่มเติมไม่ได้ ได้เฉพาะ SSD เท่านั้น
ท้ายนี้ HUAWEI MateBook D15 (2021) เปิดราคาเริ่มต้นที่ 16,490 บาท (เป็นรุ่น Core i3 10th Gen) และสำหรับ HUAWEI MateBook D15 (2021) รุ่น 11th Gen Intel i5 ที่รีวิวนี้ ก็มีราคาอยู่ที่ 26,990 บาท ครับ
ช่องทางจำหน่าย
HW store = https://bit.ly/3gHJliM
Shopee = https://bit.ly/3n7jKnB