รีวิวนี้พบกับ Huawei FreeBuds 4 หูฟัง True Wireless ภาคต่อที่รอคอยมานาน รอบนี้มาพร้อมไดรเวอร์แบบ Dynamics ขนาดใหญ่ 14.3 มม. กับเสียงระดับ Hi-Res และฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ANC 2.0 แบบ Open-Fit อัพเกรดแบบจัดเต็มกันเลย ส่วนคุณภาพจะจัดเต็มแค่ไหน บุคลิกเสียงเป็นไง ลองมาดูกันครับ
ก้าวสู่ FreeBuds 4 แล้ว หูฟังไร้สายจาก Huawei ที่รอบนี้อัพเกรดทั้งพลังเสียง ระบบตัดเสียง และงานวัสดุที่ดีกว่าเดิม ก่อนหน้านี้เคยรีวิวตัว Huawei FreeBuds 4i ที่เป็นรุ่นรองไปแล้ว รอบนี้ลองมาดูรุ่น Top อย่าง Huawei FreeBuds 4 ที่มีความ Hi-End ขึ้น ชูโรงเรื่องคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res กับไดนามิกไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 14.3 มม. รองรับย่านความถี่สูงสุดถึง 40 kHz และเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน ANC 2.0 ที่เครมว่า ลดเสียงรบกวนรอบข้างได้สูงสุด 25 เดซิเบล เรียกได้ว่าเป็นหูฟังที่อันแน่นเทคโนโลยีมากมาย จนไม่น่ามาอยู่ในร่างเล็ก ๆ นี้ได้เลย แต่สำหรับคนฟังเพลงอย่างเรา ๆ สิ่งที่ต้องการก็มีเหมือน ๆ กันคือ “ฟังเพลงเพราะไหม ?” ถัดมาคือ “ความสะดวกสบาย” รีวิวนี้มาดูกันครับ
รายละเอียดสเปก Huawei FreeBuds 4
- ประเภท Open-Fit
- ชิปประมวลผล Kirin A1
- Dynamic Driver แบบ LCP ขนาด 14.3 มม.
- รองรับโค้ดเสียง AAC และ SBC
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Bluetooth 5.2
- ระบบตัดเสียงรบกวน ANC 2.0 ทั้งขณะโทรและฟังเพลง
- แบตฯ ตัวหูฟังไร้สาย 30 mAh กับเคสชาร์จ 410 mAh (ชาร์จผ่าน Type-C )
- ระยะเวลาที่ใช้ได้ขณะสแตนด์บาย 200 วัน
- ระยะเวลาที่ใช้ได้ในการฟังเพลง 20 ชั่วโมง (โดยไม่เปิด ANC)
- น้ำหนักหูฟังไร้สาย (2 ข้าง) 8.2 กรัม กับเคสชาร์จ 38 กรัม
- มาตรฐานการกันน้ำ IP54
- สีตัวเครื่อง Ceramic White และ Silver Frost
แกะกล่อง
ในกล่อง Huawei FreeBuds 4 ก็มีหูฟัง x 2 (สองข้าง) เคสชาร์จ x 1 ชุดคู่มือ x 1 ใบรับรองการรับประกัน x 1 และสาย USB-C x 1 โดยตัวกล่องยังมาในโทนสีขาวล้วนเช่นเคย
มีจุดเล็ก ๆ ที่ต้องขอชมเลย คือมีการเจาะรูเล็ก ๆ ตรงกล่องกระดาษด้านหลัง ให้สามารถเอานิ้วดันตัวเคสหูฟังออกมาได้ง่าย ๆ หากเป็นเมื่อก่อนต้องดึงเทปที่ตัวกับตัวเคสหูฟังออกมาแทน ผลคือหลุดเฉพาะตัวเทป ตัวเคสหูฟังยังอยู่ที่เดิม….หนังชีวิตเลยครับตอนนั้น
ดีไซน์
หากเทียบดีไซน์กับรุ่นก่อนหน้าอย่าง FreeBuds 3 แล้ว ถือว่าแทบไม่ต่างจากเดิมเลย ทว่างานวัสดุลองจับดูแล้ว รู้สึกได้เลยว่ามีความแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะข้อพับของฝาปิดที่ดูแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วย
สีที่ได้มารีวิวคือ Ceramic White สีขาวล้วนทั้งตัวจริง ๆ (ส่วนตัวแอบชอบสีเงินมากกว่า)
ส่วนตัวจุกหูฟังก็เป็นแบบ Open-Fit หรือ Earbud แต่มีการปรับให้เข้ากับใบหูได้ง่ายขึ้น และมีน้ำหนักเบาขึ้นด้วย ทำให้สวมใส่ได้สบายและนานขึ้น หากแต่ใครที่ใช่หูฟังแบบ In-Ear มาตลอด ก็อาจจะเจอปัญหาเจ็บหลังส่วมใส่นาน ๆ ได้อยู่ อาจต้องสวมใส่ไปสักพักจนกว่าหูจะปรับตัวได้
แม้ตัว Huawei FreeBuds 4 จะมีหน้าตาไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทว่าภายในกลับยกเครื่องลำโพงและระบบอะไรใหม่หลายอย่างทีเดียว ทั้ง Dynamic Driver แบบ LCP ขนาด 14.3 มม. (จากเดิม 14.2 มม.) ระบบตัดเสียง ANC 2.0 ที่ปรับแรงดันอากาศตามการสวมใส่ได้ และมีมาตรฐานการกันน้ำ IP54 ให้ด้วย
การใช้งาน
ข้อดีอย่างหนึ่งของหูฟังไร้สายแบบ True Wireless หลาย ๆ รุ่นเลยคือ ‘เปิดปิดง่าย’ ตัว FreeBuds 4 ก็เช่นกัน การใช้งานครั้งแรกก็ทำได้ง่าย ๆ โดยการเปิดฝาเคสตัวหูฟัง กดปุ่มเล็ก ๆ ด้านข้างค้างไว้ รอจนกว่าจะมีสัญญาณไฟติด จากนั้นก็นำสมาร์ทโฟนพร้อมเปิดค้นหาอุปกรณ์ Bluetooth จนเจอชื่อ Huawei FreeBuds 4 ให้กดเลือก เป็นอันเสร็จ
หลังจากนี้เพิ่งแค่เปิดฝาตัวเคสหูฟังขึ้นมา มันก็จะเชื่อมต่อให้ทันที ถ้าต้องการปิดการใช้งาน ก็เพียงนำตัวหูฟังมาใส่ตัวเคสแล้วปิดฝาเท่านั้น
ส่วนระยะเวลาใช้งาน ก็ใช้ได้ยาว ๆ 4 โมงตามที่เคลมเลย หากใช้ร่วมกับตัวเคส ก็อยู่ได้ยาว ๆ 20 – 22 ชั่วโมง และยังเสียบชาร์จไว้ เพียงชาร์จแค่ 10 – 15 ก็ใช้งานต่อได้ 2 ชั่วโมงแล้ว
ส่วนการควบคุม ก็มีอยู่ด้วย 3 คำสั่งง่าย ๆ คือ
- แตะ 2 ครั้ง = รับสาย / วางสาย, เล่นเพลง / หยุดเพลงชั่วคราว, เพลงก่อนหน้า / เพลงถัดไป, เปิดระบบสั่งการด้วยเสียง
- เลื่อนขึ้น / ลง = เพิ่มเสียง หรือ ลดเสียง
- กดค้าง = เปิด หรือ ปิดระบบตัดเสียงรบกวน กับยกเลิกคำสั่งทั้งหมด
อนึ่งการเชื่อมต่อนั้น หากใช้สมาร์ทโฟน Huawei (รุ่นล่าสุด) ก็สามารถใช้แอปฯ HUAWEI AI Life ปรับแต่งการทำงานได้มากขึ้นด้วย ส่วนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ก็ใช้งานแอปฯ นี้ได้เช่นกัน หากแต่ช่วงแรกอาจจะยังไม่ชื่อ FreeBuds 4 ปรากฏขึ้นมา ก็ต้องรออัพเดตกันต่อไป
สอง ตัว Huawei FreeBuds 4 รองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Bluetooth 5.2 หากมีสมาร์ทโฟนที่รองรับด้วยเช่นกัน ก็จะช่วยยกระดับการเชื่อมต่อไร้สายได้พอควรเลย
ระบบตัดเสียง ANC 2.0
ว่าด้วยระบบตัดเสียง ANC 2.0 หรือ Active Noise Cancelling 2.0 ของตัว FreeBuds 4 แบบเน้น ๆ หน่อย พร้อมเล่าประสบการณ์ใช้งาน สำหรับตัว FreeBuds 4 ก็มาพร้อมระบบตัดเสียงที่เรียกได้ว่า ‘อัจฉริยะ’ อย่างแรกคือมี Adaptive Ear-Matching เทคโนโลยีช่วยปรับระบบตัดเสียงให้สอดคล้องกับการสวมใส่ และสภาวะภายนอก
ทั้งนี้ตัว FreeBuds 4 จะไม่มีโหมด Awareness ที่ในรุ่น FreeBuds 4 จะมีโหมดนี้คอยช่วยดูดเสียงภายนอกเข้ามา เพื่อให้ขณะสวมใส่ยังคงได้เสียงรอบข้างได้บ้าง พอมาเป็นรุ่น FreeBuds 4 ก็โดนตัดไป แต่ก็แทนที่ด้วยระบบ Adaptive Ear-Matching นี้เอง ทำให้เหลือแค่คำสั่งเปิดปิดระบบตัดเสียง ANC 2.0 โดยหากปิด ก็ยังคงได้ยินเสียงภายนอกเข้ามาได้ โดยผ่านการปรับแรงดันอากาศในหูทั้งสองข้างนั้นเอง
ส่วนถ้าเปิด จุดนี้ทาง Huawei ได้เน้นว่า “ยิ่งใส่หูฟังพอดีกับหูมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนยิ่งดีขึ้นมากเท่านั้น” คือถ้าหากใส่ตัวหูฟังจนคิดว่าพอดีหูจริง ๆ แล้ว ตัวระบบมันจะปรับสภาวะการตัดเสียงให้เข้ากับการสวมใส่ได่เลย ทันทีที่เปิดเพลง หลังจากนี้จะไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงเพลงเท่านั้น บอกเลยว่าเปิดโหมดนี้แล้วฟังเพลงขณะเดิน ต้องหูตาไว้เป็นพิเศษเลย ตัวหูฟังมันตัดเสียงภายนอกซะแทบไม่เหลือ สมกับที่เคลมว่าลดเสียงรบกวนรอบข้างได้สูงสุด 25 เดซิเบล ทว่าหากมีรถวิ่งใกล้ ๆ หรือเข้าเขตก่อสร้าง ก็ยังพอได้ยินอยู่
คุณภาพเสียง
ในด้านคุณภาพเสียงของตัว Huawei FreeBuds 4 จุดนี้ก็คงต้องพูดถึง ‘บุคลิกเสียง’ ของตัวหูฟังนี้ อย่างแรก FreeBuds 4 ถือเป็นหูฟังที่ให้เสียงเบสได้ลึกทีเดียว แต่อาจต้อง Brun สักหน่อย เพื่อให้เสียงเบสเข้าที่เข้าทางมากขึ้น
โดยรวมยังคงเป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้สนุกทุกแนว แต่รอบนี้รู้สึกเบสเด่นขึ้นมากจริง ๆ ถัดมาก็เป็นตัว Dynamic Driver ที่ใหญ่ขึ้น กับรองรับย่านความถี่สูงสุดถึง 40 kHz ก็ส่งผลให้ตัวหูฟังแยกรายละเอียดเสียงเพลงได้แม่นยำขึ้นด้วย และให้เสียงที่ดังกระหึ่มใช้ได้เลย (แต่ก็ขึ้นอยู่กับไฟล์เพลงด้วยนะ ในรีวิวได้ลองกับไฟล์เพลง FLAC) แต่เสียงร้องอาจถูกกลบไปบ้างช่วงแรก เชื่อว่าหากฟังไปนาน ๆ ก็น่าจะเข้าที่เข้าทางด้วยเช่นกัน
สรุป
ใครที่ชื่นชอบหูฟัง True Wireless ที่มาพร้อมระบบตัดเสียงแจ่ม ๆ กับให้คุณภาพเสียงเพลงได้ดัง และฟังได้ดีทุกแนว Huawei FreeBuds 4 นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี มีดีทั้งวัสดุดีไซน์ที่หรูหรา คุณภาพเสียง และเทคโนโลยีระดับ Hi-End โดยเฉพาะระบบตัดเสียงที่ขึ้นกว่าเดิมมาก กับใช้งานได้จริง อนึ่งเสียงไมค์ก็มีระบบตัดเสียงให้ด้วย ใช่คุยสายได้ดีมาก ๆ เช่นกัน ท้ายนี้ตัว Huawei FreeBuds 4 ก็มีราคาอยู่ที่ 5,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน Silver Frost และสีขาว Ceramic White ที่รีวิวนี้เอง ทั้งนี้หากสั่งซื้อล่วงหน้าก่อนวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ก็จะได้ราคาพิเศษที่ 4,499 บาท
ช่องทางจำหน่าย HUAWEI FreeBuds 4
- HUAWEI Online Store https://bit.ly/366bKtk
- Shopee https://bit.ly/36aO2fi
- Lazada https://bit.ly/3AfI22S
- JD Central https://bit.ly/2UfsMCK