ถึงกับต้องรื้อรีวิวใหม่กันเลย หลังผ่านการเบิร์นมาเกือบ 1 เดือน และใส่จนไม่ปวดหูอีกต่อไป รีวิวนี้มาพบกับ HUAWEI FreeBuds 4i หูฟัง True Wireless ในงบไม่ถึง 3 พัน เข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น และมาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่ดีงามเกินคาด กับพลังเสียงที่ทำให้ลืมหูฟังที่ใช้ประจำไปเลย
ถัดจาก FreeBuds Pro ที่เรียกได้ว่าเป็นหูฟัง True Wireless พร้อม ANC ที่ดีที่สุดของทาง HUAWEI แล้ว ไม่นานนัก HUAWEI ก็เปิดตัวภาคต่อเลย หากแต่เป็นภาคต่อของ FreeBuds 3i แทนอย่าง HUAWEI FreeBuds 4i ซึ่งเป็นรุ่นรองที่มาพร้อมราคาเข้าถึงง่ายเช่นเคย
ดังนั้นจากคนที่เคยสัมผัสกับ FreeBuds Pro มาแล้ว เลยประเมินตัว 4i ไว้ไม่มากนัก คิดว่าคงเป็นรุ่นขั้นระหว่างรอ Pro ตัวถัดไปมากกว่า แต่พอลองอ่านสเปก แบตฯ ใช้ได้สูงสุด 10 ชั่วโมง มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) รองรับ Bluetooth 5.2 และมีไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 10 มม. โดยรวมถือว่าไม่ขี้เหร่เลย จากนั้นก็ลองเทส….ผ่านไปเกือบ 1 เดือน ซื้อ !!
ฟีเจอร์เด่น
- ไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 10 มม.
- ระบบตัดเสียง (ทั้งฟังและโทร)
- ไมโครโฟนคู่ และใช้งานแยกข้างได้
- แบตฯ ใช้ได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
- ชาร์จไว 10 นาที ใช้ได้ 4 ชั่วโมง
- รองรับ Bluetooth 5.2
- มี 3 สีให้เลือก แดง ขาว และ ดำ
แกะกล่อง
ภายในกล่องก็ประกอบไปด้วย ตัวหูฟัง HUAWEI FreeBuds 4i , จุกซิลิโคนสำหรับหูฟัง (3 ขนาด) , เคสชาร์จ , สายชาร์จ USB-C , ชุดคู่มือเริ่มต้นการใช้งาน , ข้อมูลความปลอดภัย และ ใบรับประกัน
งานออกแบบ
ถือว่ามีดีไซน์หรืองานออกแบบที่สวยไม่แพ้ FreeBuds ตัว Top หลาย ๆ รุ่นเลย วัสดุมาเป็นพลาสติกมันวาว ซึ่งจุดนี้หากเลือกรุ่นสีขาว ก็ต้องคอยเช็คมันหน่อย เนื่องจากเวลาติดคราบไคลหรือฝุ่นจะเห็นชัดพอควร ส่วนงานประกอบโดยรวม (โดยเฉพาะตัวเคสชาร์จ) ก็ต้องยอมรับว่าตามราคา ยังไม่แน่นหนาเท่าตัว FreeBuds 3 หรือ FreeBuds Pro ที่เป็นรุ่นพี่ ซึ่งจะมีความทนทานกว่า
ส่วนตัวก้านหูฟังก็มาเป็นทรง In-Ear สังเกตได้เลยว่า ตัวหูฟังมีช่องไมค์ Mic ให้ข้างละ 2 จุด รวมเป็น 4 จุด ตัวไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 10 มม. ก็มีขนาดเด่นชัดออกมาเลย ทั้งนี้ส่วนตัวชอบหูฟัง In-Ear มากกว่า Earbud เป็นพิเศษ เนื่องจากใส่แล้วไม่ปวดหู ทว่าตัว HUAWEI FreeBuds 4i ช่วงแรกก็ใส่แล้วรู้สึกปวด ๆ อยู่เหมือนกัน แต่นานเข้าเริ่มชิน ใส่ได้ยาว ๆ โดยไม่มีปัญหาแล้ว
การใช้งาน
สำหรับส่วนการใช้งาน ก็จะขอพูดเรื่อง Active Noise Cancellation (ANC) หรือระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้างของตัว HUAWEI FreeBuds 4i แบบเน้น ๆ เลย ทำว่าเป็นหูฟังตัวแรก ๆ ที่ทำให้รู้ซึ้งเลยว่า ANC ที่ดีมันเป็นยังไง
ขออธิบายการทำงานของ ANC ซักเล็กน้อย คือระบบนี้เวลามันทำงาน มันจะปล่อยคลื่นความถี่เพื่อตัดเสียงรบกวนจากภายนอกออกมาขณะสวมใส่ โดยตัว HUAWEI FreeBuds 4i ก็มีโหมดการทำงาน 3 โหมดด้วยกัน อาทิ โหมด ANC เปิดใช้งาน โหมดการรับรู้ (Awareness) และปิดการใช้งาน
หากเปิดโหมด ANC ก็จะทำให้ผู้สวมใส่เหมือนอยู่ในสภาวะ ‘หูดับ’ ไปเลย คือเสียงทุกอย่างที่อยู่โดยรอบ แทบจะหายไปในทันที ซึ่งก็เป็นจุดประสงค์ของระบบนี้เอง เพื่อที่จะให้เราได้ฟังเสียงแบบเต็มที่เต็มอารมณ์ไปเลย ดังนั้นหากอยู่ระหว่างข้ามถนน ควรปิดก่อนชั่วคราว และจุดนี้เองก็เป็นหน้าที่ของโหมดการรับรู้ (Awareness)
โหมดการรับรู้ (Awareness) เอาตรง ๆ ตอนใส่หูฟัง HUAWEI FreeBuds 4i ทั้งสองข้าง ก็แทบไม่ได้ยินเสียงภายนอกแล้ว เนื่องด้วยเป็นหูฟังแบบ In-Ear นี้เอง แต่ถ้าเปิดโหมดนี้ ตัวหูฟังก็จะ ‘ดูดเสียง’ ภายนอกเข้ามาทันที ง่าย ๆ คือ หาก ANC ทำให้เราหูดับ ตัว Awareness ก็ทำให้เรากลายเป็นคนหูดีขึ้นนั้นเอง ซึ่งก็ช่วยให้สามารถใส่ตัวหูฟังได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องคอยถอดออกในบางสถานการณ์
สำหรับเรื่องแบตฯ จุดนี้ขอชมเลยว่า อึดจริงอะไรจริง ใส่ฟังยาว ๆ ได่ 7 – 10 ชั่วโมง ตามที่คุยไว้เลย ซึ่งถ้าเปิดโหมด ANC หรือ Awareness ไว้ ก็จะอยู่ได้ราว ๆ 7 ชั่วโมง ถ้าปิดก็ 10 ชั่วโมงเต็ม ๆ อีกทั้งหากใช้ร่วมกับตัวเคสชาร์จ ก็จะอยู่ได้ราว ๆ 20 ชั่วโมง ใช้ได้ทั้งวันกันเลย
จุดที่ต้องชมถัดมาคือ ไมโครโฟนคู่ ให้เสียงพูดได้ชัดมาก ๆ อาจเนื่องด้วยมันมี Beamforming ทำงานร่วมกับ AI Noise Reduction ช่วยแยะแยะเสียงรบกวนภายนอก ให้เหลือแต่เสียงพูดของผู้ใช้นั้นเอง และความดีงามของ Bluetooth 5.2 ซึ่งปกติผมมักเจอปัญหาสัญญาณขาด ๆ หาย ๆ กับหูฟังไร้สายทุกครั้ง เวลาเดินผ่านจุดที่มีสัญญาณรบกวนเยอะ ๆ อย่างในห้างหรือเสาไฟฟ้า ทว่าตัว HUAWEI FreeBuds 4i กลับแทบไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เลย มีดับไปแว่บหนึ่งบ้าง แต่ก็ไม่ติด ๆ หาย ๆ ให้หงุดหงิด
ส่วนการสลับใช้งานโหมดต่าง ๆ นั้น ก็ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่แตะที่ก้าน (ตามภาพ) จะข้างซ้ายหรือขวาก็ได้ หากแตะข้าง ก็จะเป็นการสลับโหมดนั้นเอง เอาตรง ๆ เลย ตลอดการใช้งานที่ผ่านมาก ผมใช้ระบบ ‘แตะสั่งการ’ นี้แค่สองอย่างเท่านั้นคือ แตะเพื่อใช้งาน ANC กับ Awareness และแตะติดต่อกัน 2 ครั้งเพิ่อ Play/Pause จริง ๆ มันมีแตะสองครั้งที่ข้างซ้ายเพื่อข้ามเพลง แต่ตรงนี้แทบไม่ได้ใช้เลย (เพราะจำสลับซ้ายขวาตลอด…..)
พลังเสียง
มาถึงส่วนสำคัญของตัว HUAWEI FreeBuds 4i แล้ว สำหรับผมบอกเลยว่า เวลาเลือกใช้หูฟังทุกตัว จะถูกหรือแพง เรื่อง ไดร์เวอร์ หรือ บุคลิกของเสียง (ตามที่มีในรีวิว) ต้องมาก่อน อย่างตัว FreeBuds 4i ก็มาพร้อมไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 10 มม นับว่าใหญ่อยู่เหมือนกัน ซึ่งก็น่าจะช่วยให้ขับเสียงเบสและมิติเพลงได้ดี อีกทั้งยังเห็นด้วยว่ามันมี PEEK + PU composite diaphragm ไดอะแฟรมคุณภาพสูง ช่วยให้ขับเสียงร้อง เสียงดนตรี และเสียงเบสได้ดี ตอนเปิดตัวก็บอกด้วยว่า “จูนเสียงให้เข้ากับเพลง Pop กับเมนสตรีมโดยเฉพาะ” โอเค…เป็นแนวที่ชอบเลย ได้จับเทสหนัก ๆ แน่นอน
ผลเทส…. ให้ตายเถิด เสียงทรงพลังมากกก แต่ส่วนตัวคิดว่าออกแหลมเยอะไปหน่อย กลบเสียงอื่น ๆ ไปพอควรตอนใช้งานครั้งแรก ทว่าหลังจับเบิร์นมันไปเกือบเดือน ทุกย่านเสียงมาหมดแล้ว เสียงเข้าที่เข้าทางขึ้นเยอะ กลายเป็นหูฟังที่ฟังสนุกได้ทุกเพลงจริง ๆ โดยเฉพาะเพลงแนว Pop Rock แต่ก็ไม่ได้เด่นระดับเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ คือเป็นหูฟังออกกลาง ๆ ฟังได้ทุกแนวโดยแท้ ซึ่งก็ไม่ได้เด่นเป็นพิเศษในแนวใดแนวหนึ่ง
อนึ่งต้องบอกก่อนว่า ผมมีไฟล์เพลงคุณภาพสูงเตรียมไว้ ซึ่งฟังผ่านแอปฯ Poweramp เลยทำให้ขับเสียงพลังของ HUAWEI FreeBuds 4i ได้สุด ถ้าอยากสัมผัสพลังเสียงจริง ๆ ของตัวหูฟัง แนะนำให้ลองใช้แอปฯ Tidal แล้วลองสมัครสมาชิก HiFi ดูเลยครับ (ป้ายยาสักหน่อย : D)
สรุป
HUAWEI FreeBuds 4i คือหูฟัง True Wireless ที่คุ้มราคาที่สุดเท่าที่เคยใช้มา ทั้งงานออกแบบ เทคโนโลยี แบตฯ และพลังเสียง เรียกได้ว่าจัดเต็มเกินราคา เรื่องพลังเสียงก็นับได้ว่าเป็นหูฟังที่ฟังเพลงได้ทุกแนว อีกทั้งยังดูหนังกับเล่นเกมได้ดีด้วย เกือบลืมบอกได้ว่าตอนเล่นเกม เสียงก็ตอบสนองได้ไวตาม Gameplay เลยครับ
สำหรับจุดสังเกต ก็มีเรื่องวัสดุที่ไม่ได้หวือหวานัก หากเทียบกับรุ่นก่อน ๆ โดยเฉพาะตัว Top ทั้งหลายของ HUAWEI FreeBuds และการถอดรหัสเสียง เสียดายไม่มี aptX หรือ aptX-HD ไม่งั้นจะแจ่มกว่านี้แน่นอน
ท้ายนี้ HUAWEI FreeBuds 4i ก็เปิดราคาที่ 2,799 บาท เท่านั้นครับ ลองดูรายละเอียดได้ที่ https://consumer.huawei.com/th/audio/freebuds4i/
หรือสั่งซื้อได้ที่ https://bit.ly/3xxa2O6
